Your browser doesn’t support HTML5
ผลการสำรวจของ University of Michigan เรื่องการใช้สารเสพติดของเยาวชนในสหรัฐ ที่ทำกับนักศึกษาระดับเกรด 8, 10 และ 12 ซึ่งเท่ากับชั้นม.2 ม.4 และ ม.6 ของไทย ราว 45,000 คน ระบุว่า ในปี 2561 นี้มีนักเรียนมัธยมปลายอเมริกันสูดไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าปีที่แล้วถึงเท่าตัว
นับเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นในรอบปีที่มากที่สุด นับตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจครั้งแรกเมื่อ 44 ปีที่แล้วเป็นต้นมา
รายงานการสำรวจนี้ยังพบด้วยว่า นอกจากการสูดไอระเหยของนิโคตินแล้ว สารเสพติดอื่นๆ ที่นักเรียนมัธยมปลายอเมริกันนิยมใช้กันมากเป็นอันดับสอง คือ แอลกอฮอล์ ตามมาด้วยการสูบกัญชา ถึงแม้ว่าตัวเลขการดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การใช้ยาแก้ปวดประเภท Opioid และการใช้ยาเสพติดโคเคน แอลเอสดี รวมทั้งยากล่อมประสาท ecstasy และเฮโรอีนนั้นจะลดลงจากปีที่แล้วก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นเหตุผลที่เยาวชนอเมริกันใช้สารเสพติดประเภทโคเคน แอลเอสดี และยาอีหรือ ecstasy รวมทั้งเฮโรอีนลดลง แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า เยาวชนอเมริกันในปัจจุบันอยู่กับบ้านและติดต่อสื่อสารกันผ่านทางอุปกรณ์มือถือหรือใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ มากกว่าสมัยก่อน
และในช่วงก่อนนี้ เยาวชนมักจะมีการรวมกลุ่มสังสรรค์กันทำให้มีการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้ยาเสพติดตามมา เพราะการทดลองใช้ยาเสพติดนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมของกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม การที่เยาวชนอเมริกันสูดไอระเหยของนิโคตินจากบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น นับเป็นเรื่องน่ากังวลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสหรัฐ เพราะผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า นิโคตินนั้นเป็นอันตรายต่อสมองที่กำลังพัฒนา
และนักวิจัยทั่วไปก็เชื่อว่า การสูดไอระเหยของนิโคตินมักเป็นปัจจัยกระตุ้นส่งเสริมให้เยาวชนหันไปสูบบุหรี่ และทดลองยาเสพติดชนิดอื่นได้ในภายหลัง