การรวบ Crimea ของ Russia ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกลดต่ำลง ชี้ว่าโลกกลับเข้าสู่สงครามเย็นหรือไม่

Your browser doesn’t support HTML5

Cold War


การที่ Russia รวบเอาคาบสมุทร Crimea ของประเทศ Ukraine เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Russia กับชาติตะวันตกลดต่ำลงถึงจุดที่ทำให้เกิดคำถามว่า เวลานี้โลกกลับเข้าสู่สภาพสงครามเย็นอีกครั้งหนึ่งหรือไม่นั้น

ศาสตราจารย์ Charles Kupchan ของมหาวิทยาลัย Georgetown ในกรุงวอชิงตันไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น และให้คำอธิบายว่า ในช่วงสงครามเย็น ซึ่งเริ่มต้นเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงในปี ค.ศ. 1945 จนถึงปี ค.ศ. 1991 เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายนั้น มีคู่ปรปักษ์ที่ชัดเจน คือกลุ่มชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐและกลุ่มชาติตะวันออก ซึ่งมีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำ และมีการแข่งขันกันทางอุดมการณ์ระหว่างระบบคอมมิวนิสต์กับระบบทุนนิยม รวมทั้งทางภูมิรัฐศาสตร์เพื่อความเป็นใหญ่ในอุตสาหกรรมการทหารและในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาโดยผ่านทางตัวแทนของแต่ละฝ่ายด้วย

ในคำปราศัยที่กรุง Brussels เมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดี Barack Obama ของสหรัฐให้ความเห็นไว้ว่า สภาพที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่สงครามเย็น เพราะ Russia ไม่ใช่สหภาพโซเวียต ไม่ได้เป็นผู้นำของกลุ่มประเทศ และไม่มีอุดมการณ์ลัทธิระดับโลก

ประธานาธิบดีสหรัฐเรียก Russia ว่าเป็นประเทศมหาอำนาจระดับภูมิภาคที่ข่มขู่ประเทศเพื่อนบ้าน และที่ทำเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะว่า Russia หากแต่เป็นเพราะความอ่อนแอ

แต่ศาสตราจารย์เกียรติคุณ Robert Legvold ของมหาวิทยาลัย Columbia ในนครนิวยอร์ค ให้ความเห็นว่า โลกได้กลับเข้าสู่สภาพสงครามเย็นอีกครั้งหนึ่งแล้ว โดยเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่าง Russia กับชาติตะวันตกในเวลานี้ กับความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพโซเวียตกับชาติตะวันตกในสมัยนั้น ว่าต่างฝ่ายต่างเรียกอีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นศัตรูอย่างชัดเจน

นักวิชาการผู้นี้กล่าวต่อไปว่า ยังมีสัญญาณบ่งชี้อีกอันหนึ่ง คือทั้ง Moscow และ Washington ดูจะเลิกล้มความพยายามที่จะหาทางร่วมมือทำงานเพื่อสร้างความเป็น Partner อย่างแท้จริงและในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญหลายรายที่เชื่อว่า ยังมีโอกาสที่จะสร้างความเป็น Partner ในลักษณะนั้น ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงผู้นำในกรุง Moscow และ Washington