รัฐบาลสหรัฐฯ ใส่ชื่อกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมน กลับเข้าสู่บัญชีรายชื่อกลุ่มก่อการร้ายอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์กลุ่มฮูตีส่งโดรนและยิงขีปนาวุธโจมตีใส่เรือสินค้าในทะเลแดงและอ่าวเอเดนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
สหรัฐฯ และประเทศต่าง ๆ พยายามร้องขอให้กลุ่มฮูตียุติการโจมตีเรือสินค้า แต่กลับถูกเพิกเฉย การโจมตียังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแม้จะมีการสกัดและตอบโต้จากกองทัพสหรัฐฯ และอังกฤษหลายครั้ง
สหรัฐฯ ระบุว่า มีการโจมตีจากพื้นที่ในเยเมนที่กลุ่มฮูตีครอบครองอยู่ ใส่เรือสินค้าราว 30 ครั้งตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ส่งผลกระทบต่อพลเรือนและเรือของประเทศต่าง ๆ มากกว่า 50 ประเทศ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้ไม่ขอเปิดเผยตัวตน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "เราไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยและเฝ้ามองสิ่งที่ฮูตีทำในทะเลแดงโดยไม่ทำอะไร" ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกผู้หนึ่งยืนยันว่า การกระทำของกลุ่มฮูตีเข้าข่ายการก่อการร้าย รวมทั้งสร้างอันตรายต่อเจ้าหน้าที่และพลเรือนของอเมริกาและชาติพันธมิตร ก่อความเสี่ยงต่อการค้าโลกและคุกคามเสรีภาพในการเดินเรือ
ตั้งแต่เกิดการโจมตีดังกล่าว มีเรือสินค้าที่ต้องเลี่ยงการเดินทางผ่านทะเลแดงแล้วหันไปใช้เส้นทางอื่นแล้วประมาณ 2,000 ลำ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ากลุ่มฮูตีได้จับกุมตัวประกันทางทะเลไปแล้วจำนวนหลายคนจากมากกว่า 20 ประเทศ
Your browser doesn’t support HTML5
ในวันพุธ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เจค ซัลลิแวน กล่าวว่า การใส่ชื่อกลุ่มฮูตีกลับไปอยู่ในรายชื่อกลุ่มก่อการร้าย ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสกัดกั้นการไหลของเงินทุนของกลุ่มฮูตีด้วยการจำกัดการเข้าถึงตลาดการเงิน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ อีกผู้หนึ่ง กล่าวว่า เป้าหมายของการใช้มาตรการลงโทษครั้งนี้คือการโน้มน้าวให้กลุ่มฮูตีลดการโจมตีและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น และ "หากกลุ่มฮูตียุติการโจมตี เราอาจถอดชื่อพวกเขาออกไปอีกครั้งก็เป็นได้"
อย่างไรก็ตาม การใส่ชื่อกลุ่มฮูตีกลับเข้าไปในรายชื่อกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ Specially Designated Global Terrorist group จะยังไม่มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 30 วัน เพื่อให้มีเวลาเพียงพอต่อการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในเยเมน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เสริมว่า รัฐบาลอเมริกันจะใช้มาตรการเพื่อรับรองว่า การลงโทษกลุ่มฮูตีครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรมต่อประชาชนในเยเมนที่ซึ่งสหประชาชาติประเมินว่ามีประชากรราว 24 ล้านคนที่เสี่ยงต่อความอดอยากหิวโหย และจะไม่กระทบต่อการส่งอาหาร ยารักษาโรค และเชื้อเพลิงแต่อย่างใด
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี