Your browser doesn’t support HTML5
การโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายในสองเมืองใหญ่ของยุโรป คือ กรุงปารีส และกรุงบรัสเซลส์ ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความมั่นคงปลอดภัยอย่างดุเดือดอีกครั้ง จากบรรดาผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สว.รัฐเท็กซัส เท็ด ครูซ ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน ให้สัญญาว่าหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ตนจะทำลายล้างกลุ่มรัฐอิสลาม ด้วยการใช้เครื่องบินปูพรมถล่มจนราบคาบ
ขณะที่มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมพ์ คู่แข่งของ สว.ครู้ซ กล่าวกับรายการ This Week ของ ABC ในวันอาทิตย์ว่า อเมริกากำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย ซึ่งหากเราไม่แข็งแกร่งและไม่ฉลาด จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่ๆ
ที่ผ่านมาบรรดาผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันต่างกล่าวหาว่าความอ่อนแอของรัฐบาล ปธน.โอบามา คือสิ่งที่ทำให้การโจมตีของผู้ก่อการร้ายกลายเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่ง
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่เป็นเป้าหมายในการวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง หลังจากเข้าร่วมชมการแข่งขันเบสบอลที่คิวบา และเต้นแทงโก้ในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่อาร์เจนตินา ระหว่างการเยือนอเมริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ไม่ยอมเดินทางกลับสหรัฐฯ ทันทีหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีในกรุงบรัสเซลส์ กล่าวในการปราศรัยประจำสัปดาห์ว่า สหรัฐฯ จะตามทำลายกลุ่มรัฐอิสลามให้ได้ และย้ำว่าพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ คือชาวมุสลิมในอเมริกา ที่จะช่วยให้สหรัฐฯ เอาชนะความพยายามเผยแพร่แนวคิดแห่งความเกลียดชังและความรุนแรงของกลุ่มรัฐอิสลามให้กับคนหนุ่มสาวมุสลิมทั่วโลก
คำกล่าวของ ปธน.โอบามา ได้รับการสนับสนุนจากอดีต รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ที่กล่าวว่าอเมริกาต้องไม่แสดงความตื่นตระหนกหรือหวาดกลัว เพราะนั่นมิได้ช่วยปกป้องเราจากการก่อการร้าย แต่ยิ่งเป็นการทำให้ผู้ก่อการร้ายฮึกเหิมยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน สว.เบอร์นี่ แซนเดอร์ส คู่แข่งของนางคลินตัน กล่าวต่อรายการ This Week ว่าตนต่อต้านการที่สหรัฐฯเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจการในตะวันออกกลาง และว่าบรรดาประเทศมุสลิมจำเป็นต้องก้าวเข้ามามีบทบาทนำในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายแทนสหรัฐฯ
(ผู้สื่อข่าว Michael Bowman รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)