รายงานเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับการเมืองสหรัฐฯ ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

จับตาทิศทางการเมืองของสหรัฐในปีหน้าที่พรรคริพับลิกันจะก้าวเข้ามาควบคุมเสียงข้างมากทั้ง 2 สภาอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม หลังได้รับชัยชนะเหนือพรรคเดโมแครทในการเลือกตั้งกลางเทอมที่ผ่านมา

Your browser doesn’t support HTML5

US Politics

นักวิเคราะห์คาดว่าการขับเคี่ยวทางการเมืองของสหรัฐจะเข้มข้นทันทีตั้งแต่ก้าวเข้าปี ค.ศ. 2015 ต่อเนื่องถึงปีเลือกตั้ง ค.ศ. 2016

พรรคริพับลิกันเตรียมเข้ากุมบังเหียนอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ทันที หลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาชุดใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมนี้ ตัวแทนพรรคริพับลิกัน สามารถเอาชนะคู่แข่งจากพรรคเดโมแครทเข้าครองเสียงข้างมากทั้งสมาชิกวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร จากการเลือกตั้งกลางเทอมที่ผ่านมา

Whit Ayres ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคริพับลิกันเชื่อว่าชัยชนะในรัฐสภาจะปูทางไปสู่ชัยชนะในเวทีเลือกตั้งผู้นำสหรัฐในอีก 2 ปีข้างหน้า

เขาบอกว่า พวกเขามีตัวแทนของพรรคที่ดีขึ้น และจะรวมตัวประสานภายในพรรคให้เป็นเอกภาพได้ และมั่นใจว่าริพับลิกันจะชนะการเลือกตั้งในปี 2016 ที่จะมาถึงอย่างแน่นอน


แม้ริพับลิกันจะมีบุคลากรที่มีศักยภาพจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯ หลายคน ไม่ว่าจะเป็น อดีตผู้ว่าการรัฐฟลอริดา แห่งตระกูลบุช คือ Jeb Bush หรือ นาย Chris Christie ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซี และ Ted Cruz วุฒิสมาชิกฝีปากกล้าจากเท็กซัส แต่ในสายตาทีมยุทธศาสตร์ของพรรคแล้วผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคจะต้องมีความสามารถที่จะประสานกลุ่มต่างๆ ในพรรคให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

นักยุทธศาสตร์ของพรรคริพับลิกัน ย้ำว่า ใครก็ตามที่จะเป็นตัวแทนของพรรคชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ จะต้องแสดงความสามารถที่จะเชื่อมกลุ่มต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว เช่น กลุ่มทีพาร์ตี้ กลุ่มเสรีนิยม กลุ่มผู้ก่อตั้งพรรค กลุ่มสังคมอนุรักษ์นิยม และนักการต่างประเทศของริพับลิกัน

หันไปมองทางคู่แข่งอย่างเดโมแครท ซึ่งกำลังเผชิญความท้าทายที่จะแตกต่างออกไปในการเลือกตั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า นักยุทธศาสตร์ของเดโมแครท มองว่า ประเด็นนโยบายทางเศรษฐกิจจะเป็นจุดขายที่จะนำไปสู่ชัยชนะของผู้แทนพรรค


Celinda Lake นักยุทธศาสตร์ พรรคเดโมแครท บอกว่า สิ่งแรกที่เดโมแครทต้องทำคือโครงร่างแผนเศรษฐกิจและการวางแผนในอนาคตที่จะทำให้คนทั้งประเทศเชื่อมั่นว่าจะสร้างโอกาสที่ดีสำหรับพวกเขาของลูกหลานที่จะเติบโตในอนาคต

เบื้องต้นนั้นมีความชัดเจนว่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางฮิลลารี คลินตัน เตรียมลงสมัครแข่งขันเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครทเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี


นักยุทธศาสตร์ของพรรค ระบุว่า หากอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ต้องการประสบความสำเร็จ ก็จำเป็นเว้นระยะห่างระหว่างเธอกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา หลังคะแนนนิยมของผู้นำสหรัฐเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่การเลือกตั้งกลางเทอมที่ผ่านมา

Celinda Lake นักยุทธศาสตร์ พรรคเดโมแครมองว่า ผู้คนอาจจะได้ข้อสรุปที่ถูกบ้างผิดบ้าง ที่ประธานาธิบดีโอบามาซึ่งถือเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงเข้ามาทำหน้าที่ แต่กลับขาดประสบการณ์ที่จะทำงานหลายอย่างให้ลุล่วง แต่สำหรับรัฐมนตรีคลินตัน แล้วเรื่องประสบการณ์และคุณสมบัตินั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องตั้งคำถาม

ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านโยบายการเมือง มองว่า แม้นางคลินตันจะได้รับความนิยม แต่เธอก็จะต้องเผชิญกับผู้ท้าชิงคนอื่นๆ ภายในพรรคด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าเธอจะถูกโจมตีในประเด็นนโยบายด้านการต่างประเทศที่แข็งกร้าวเกินไป


อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคเดโมแครทจะยังรักษาทำเนียบขาวต่อได้เป็นสมัยที่ 3 หลังวาระของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่จะสิ้นสุดลง

Whit Ayres ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคริพับลิกัน มองว่า เป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่พรรคการเมืองเดียวจะสามารถชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน และถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติในประวัติศาสตร์ ซึ่งครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นคือในสมัยรองประธานาธิบดี George H.W. Bush ผู้พ่อได้รับเลือกให้เป็นผู้นำสหรัฐต่อจากวาระที่ 2 ของประธานาธิบดี Ronald Reagan จากพรรคริพับลิกัน เมื่อปี ค.ศ.1988 หรือ ราวๆ 27 ปีก่อน