Your browser doesn’t support HTML5
ดูเหมือนว่าการแก้ปัญหาด้วยการทูตยังพอมีหวัง หลังจากที่สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ลดความรุนแรงของโวหารลง
โดยเมื่อวันอังคาร สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่านายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะรอดูท่าทีว่าสหรัฐฯ จะยังคงมีพฤติกรรมที่บุ่มบ่ามไม่ไตร่ตรองซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจเรื่องการยิงทดสอบจรวดขีปนาวุธซึ่งมุ่งเป้าไปที่บริเวณเกาะกวม
และนายคิม จอง อึน ยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ แสดงผ่านการกระทำว่าต้องการผ่อนคลายความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี และป้องกันการปะทะด้วยกำลังทหารซึ่งเป็นอันตราย
ส่วนสหรัฐฯ เอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำขู่ว่าพร้อมจะใช้กำลังทหารกับเกาหลีเหนือ แต่ผู้นำของสหรัฐฯ ก็แสดงทีท่าเช่นกันว่าต้องการให้มีการเจราจาโดยตรง
ท่าทีที่ชัดเจนที่สุดของเรื่องนี้มาจากนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระหว่างการประชุมของอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ ที่บอกว่าสหรัฐฯ พร้อมจะลดเงื่อนไขจากเดิมที่รัฐบาลประธานาธิบดีโอบามาเคยตั้งไว้ว่า จะยอมเจรจากับเกาหลีเหนือหากเปียงยางยอมลดกำลังรบนิวเคลียร์ของตนก่อน มาเป็นการยินดีเจรจาถ้าเกาหลีเหนือเพียงแค่ยุติการทดลองขีปนาวุธ
ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า มีการติดต่อระดับเจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงหลังฉากอย่างเงียบๆ ระหว่างนาย Joseph Yun ตัวแทนพิเศษของสหรัฐฯ สำหรับนโยบายเกาหลีเหนือ กับนาย Pak Song II นักการทูตระดับสูงของเกาหลีเหนือประจำองค์การสหประชาชาติ
โดยบุคคลทั้งสองได้เคยติดต่อเจรจากันเพื่อให้มีการปล่อยตัวนาย Otto Warmbier นักศึกษาอเมริกันผู้ถูกจำคุกอยู่ในเกาหลีเหนือนานหลายปี และกลับมาเสียชีวิตในสหรัฐฯ ด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีมูน แจ อิน ของเกาหลีใต้ ก็ประกาศว่าตนจะเป็นผู้ตัดสินใจท้ายสุดสำหรับการใช้กำลังทหารใดๆ จากที่ตั้งในเกาหลีใต้หรือบนคาบสมุทรเกาหลี โดยไม่มีประเทศอื่นใด ซึ่งก็หมายถึงสหรัฐฯ ที่จะตัดสินใจเรื่องนี้แทนได้
นอกจากนั้นแล้ว ผู้นำเกาหลีใต้ยังพยายามยืนยันเพื่อสร้างความมั่นใจต่อเกาหลีเหนือด้วยว่า รัฐบาลกรุงโซลไม่ได้พยายามโค่นล้มระบอบการปกครองของนายคิม จอง อึน หรือพยายามรวมสองประเทศเกาหลีด้วยกำลัง
รวมทั้งยังเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยอมเจรจาและให้ความร่วมมือด้วย