รัสเซียและจีนมองว่าการประชุมสุดยอด 'ทรัมป์-คิม' ช่วยพิสูจน์ข้อเสนอของตน

U. S. President Donald Trump shakes hands with North Korea leader Kim Jong Un at the Capella resort on Sentosa Island, June 12, 2018 in Singapore.

Your browser doesn’t support HTML5

Trump Summit China Russia

ทั้งทำเนียบเครมลินและกรุงปักกิ่ง มีคำแถลงหลังการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับนายคิม จอง อึน ที่สิงคโปร์ว่า คำเรียกร้องของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ก่อนหน้านี้ ที่ให้มีการหารือโดยตรงเพื่อลดความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี และข้อเสนอของปักกิ่งเรื่องการระงับการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้นั้น ล้วนแต่สมเหตุสมผล ช่วยลดความตึงเครียด และจะให้ผลในทางปฏิบัติได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปักกิ่งได้มีท่าทีสนับสนุนตลอดมาว่าหนทางดีที่สุดที่จะช่วยแก้ปัญหาความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีได้นั้น คือเกาหลีเหนือต้องยุติการทดลองขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ ในขณะที่สหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ก็ต้องระงับการซ้อมรบร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศโดยใช้คำว่า สหรัฐฯ จะระงับ War Games หรือเกมสงครามตามคำเรียกของเกาหลีเหนือ ซึ่งหมายถึงการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ เพราะเรื่องนี้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเป็นการยั่วยุเกาหลีเหนือนั้น ได้ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนแปลกใจและเป็นกังวล

อย่างเช่น คุณ Oriana Skylar Mastro ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการศึกษาความมั่นคง ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน ชี้ว่า ในการพบปะระหว่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน กับนาย คิม จอง อึน ก่อนหน้าการประชุมสุดยอดที่สิงคโปร์นั้น ผู้นำจีนต้องการให้ผู้นำเกาหลีเหนือกดดันผู้นำสหรัฐฯ ให้นำเรื่องกำลังทหารอเมริกันบนคาบสมุทรเกาหลีขึ้นมาเจรจา

โดยอาจารย์ Mastro บอกว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกาหลีเหนือผลักดันมานานแล้ว และจีนก็ต้องการฉวยประโยชน์จากเรื่องนี้เท่าที่สามารถจะทำได้ต่อไป

หลังการพบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ จะระงับการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ ตราบเท่าที่ความพยายามลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นไปอย่างจริงจังและตั้งใจ

ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเสริมด้วยว่า ตนต้องการให้ถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ออกจากเกาหลีใต้ในอนาคตด้วย

ซึ่งคุณ Lindsey Ford ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการความมั่นคงและการเมืองของสถาบัน Asia Society Policy Institute ก็ชี้ว่า คำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์เรื่องนี้ ช่วยสนับสนุนคำกล่าวอ้างของจีนที่ว่าการมีกำลังทหารสหรัฐฯ อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ทำให้เกิดปัญหาบั่นทอนเสถียรภาพ และเป็นสิ่งที่ตกค้างมาจากโลกยุคสงครามเย็น

ส่วนนาย Frank Aum ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านเกาหลีเหนือ ของสถาบันสันติภาพของสหรัฐฯ เสริมว่า ข้อตกลงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามร่วมกับนายคิม จอง อึน มีหลายอย่างที่สอดคล้องกับเป้าหมายของปักกิ่ง คือการเริ่มกระบวนการทางการทูต หลีกเลี่ยงความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี และมุ่งระงับกิจกรรมทางทหารทั้งในฝ่ายของเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็แสดงความกังวลว่า ข้อตกลงที่สิงคโปร์ดังกล่าวนี้ยังขาดรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง และการขาดความชัดเจนในเรื่องนี้จะทำให้การเจรจาและการดำเนินการในขั้นต่อไปอาจจะมีปัญหาจากพื้นฐานที่ค่อนข้างจะคลอนแคลน