ข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าวหาว่ารัฐบาลรัสเซียและอิหร่านพยายามมีบทบาทในการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพื่อให้ผลการเลือกตั้งออกมาเป็นคุณกับตัวเอง เช่นเดียวกับงานข่าวสืบสวนสอบสวนที่พบเครือข่ายกระจายข้อมูลสนับสนุนจีนและอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เมอร์ริค การ์แลนด์ อัยการสูงสุดของสหรัฐฯ กล่าวว่า “คนในแวดวงใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน รวมถึงเซอร์เกย์ คิริเยนโก สั่งการบริษัทประชาสัมพันธ์ของรัสเซียให้แพร่กระจายข้อมูลที่บิดเบือน และถ้อยความที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ในฐานะส่วนหนึ่งของการมีอิทธิพลในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024”
คำฟ้องจากทางสหรัฐฯ เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา อธิบายส่วนหนึ่งของปฏิบัติการแทรกแซงการเลือกตั้ง ว่าประกอบด้วยการลอกเลียนเว็บไซต์ข่าวหลายสิบแห่งเพื่อกระจายข้อมูล ชักจูงฐานเสียงอเมริกันให้มีความเห็นต่อประเด็นที่สำคัญ ๆ ไปในทางใดทางหนึ่ง
ในคำฟ้องยังกล่าวหาว่าสื่อ RT ที่รัฐบาลมอสโกให้การสนับสนุน ส่งมอบเงินจำนวน 10 ล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทสื่อในสหรัฐฯ แห่งหนึ่งด้วย
แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป็น “การจ่ายเงินหลายล้านดอลลาร์ให้ชาวอเมริกันที่ไม่ทราบข้อเท็จจริง เพื่อกระจายข้อความจากเครมลิน ให้ไปมีผลกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ และบ่อนทำลายประชาธิปไตย”
มาเรีย ซาราโควา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ปฏิเสธข้อกล่าวหาข้างต้น โดยระบุว่า “นี่คือภาวะหวาดกลัวรัสเซีย นี่คือการทำร้ายเสรีภาพในการพูด นี่คือการเลือกปฏิบัติ และนี่คือเกมที่สกปรกที่สุดของสหรัฐฯ และรัฐซ้อนรัฐ ในการยุยงปลุกปั่นในช่วงวงรอบการเลือกตั้ง”
รายงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในเดือนกันยายนนี้ ระบุว่ารัสเซียเป็น “ภัยคุกคามทางอิทธิพลจากต่างชาติที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุด” ในช่วงการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา โดยหวังผลให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสชนะมากขึ้น
นอกจากรัสเซียแล้ว อิหร่านก็เป็นอีกประเทศที่อัยการสหรัฐฯ กล่าวถึง โดยการ์แลนด์ระบุว่ามีรายงานความเคลื่อนไหวของอิหร่านมากขึ้นในฤดูการเลือกตั้ง เช่นการเจาะข้อมูลทีมหาเสียงของทรัมป์ รวมถึงหาทางไม่ให้ผลการเลือกตั้งออกมาในทางที่ไม่เป็นคุณต่อผลประโยชน์ของรัฐบาลเตหะราน
ข้อมูลที่เผยแพร่ในวันพุธนี้โดยเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่าอิหร่านพยายามนำข้อมูลที่ขโมยจากทีมหาเสียงของทรัมป์ไปเผยแพร่ให้สื่อมวลชน รวมถึงทีมหาเสียงของโจ ไบเดน เมื่อเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม โดยหวังว่าทีมของไบเดนที่ยังหาเสียงในตอนนั้นจะนำไปใช้
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุด้วยว่าจีนก็มีปฏิบัติการขนาดเล็กบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อโจมตีผู้สมัครรับเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีท่าทีเป็นลบต่อรัฐบาลปักกิ่ง
รายงานเชิงสืบสวนสอบสวนที่วีโอเอภาคภาษาแมนดารินทำร่วมกับบริษัทวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ Doublethink Lab (DTL) จากไต้หวัน พบบัญชีผู้ใช้งานในแพลตฟอร์ม X จำนวน 10 บัญชีที่สมอ้างเป็นผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงชาวอเมริกัน
บัญชีเหล่านี้เชื่อมโยงกับเครือข่ายปฏิบัติการที่เรียกว่า Spamouflage คือการปลอมแปลงตัวตนเพื่อกระหน่ำกระจายข้อความที่สนับสนุนรัฐบาลจีนและโจมตีผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ซึ่งเครือข่ายนี้เดิมทีถูกตรวจพบในปี 2019 จากปฏิบัติการโจมตีผู้ชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงในเวลานั้น
เดิมที ผู้ใช้งานเหล่านี้จะกระจายข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับจีน เช่นข้อความที่ปกป้องรัฐบาลปักกิ่ง วิจารณ์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และฉวยใช้ประโยชน์จากประเด็นอ่อนไหว เช่น ความรุนแรงจากปืน หรือปัญหาเรื่องเชื้อชาติ
แต่นับตั้งแต่เหตุการณ์ลอบสังหารทรัมป์เมื่อ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา บัญชีเหล่านี้ที่ถูกตรวจพบต่างกระจายข้อความที่สนับสนุนทรัมป์ จนบริษัท DTL เรียกเครือข่ายนี้ว่า MAGAflage ล้อไปกับสโลแกนหาเสียงของทรัมป์ (Make America Great Again - MAGA)
หลิว เพ็งหยู โฆษกประจำสถานทูตจีน กรุงวอชิงตัน กล่าวกับวีโอเอผ่านแถลงการณ์ว่า “จีนไม่มีเจตนา และจะไม่แทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ และเราหวังว่าทางสหรัฐฯ จะไม่หยิบยกจีนขึ้นมาเป็นประเด็นปัญหาในการเลือกตั้ง”
ต่อรายงานความเคลื่อนไหวของต่างชาติที่มี คำถามที่สำคัญในประเด็นนี้ก็คือ มาตรการป้องปรามของสหรัฐฯ จะสามารถจัดการปฏิบัติการทั้งหลายได้หรือไม่
มาร์กาเร็ต แทเลฟ จากมหาวิทยาลัย Syracuse University ไม่คิดว่าประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ผู้ลงคะแนนเสียงอเมริกันให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องรู้ไว้ว่า มีปฏิบัติการที่หวังใช้ประโยชน์จากคะแนนเสียงของพวกเขา
- ที่มา: วีโอเอ