Your browser doesn’t support HTML5
พรรครีพับลิกันชนะเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนโดยอาศัยกระแสความไม่พอใจในตัวประธานาธิบดีโอบาม่า ทำให้ได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ อย่างน้อย 9 ที่ และในวุฒิสภาอย่างน้อย 7 ที่ เป็นผลให้สามารถควบคุมเสียงข้างมากในรัฐสภาสหรัฐฯ และกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของการเมืองสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา
นักวิเคราะห์ทางการเมืองสหรัฐฯ ระบุว่า ประธานาธิบดีโอบาม่าจะมีปัญหามากขึ้นในการผลักดันนโยบายภายในประเทศต่างๆ และอาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ อย่างไรก็ตามเสียงข้างมากของพรรคริพับลิกันนี้ก็ยังไม่มากพอถึง 2 ใน 3 ของคะแนนเสียงทั้งหมด ที่จะช่วยให้สามารถลบล้างการใช้สิทธิยับยั้งหรืออำนาจการวีโต้ของประธานาธิบดีได้
นอกจากนี้พรรครีพับลิกัน ก็จะอยู่ใต้ความกดดันให้ต้องแสดงผลงานให้คนอเมริกันเห็นก่อนหน้าการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไปในปี 2559 ซึ่งจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วย
หลังผลการเลือกตั้งปรากฏทั้ง 2 ฝ่ายต่างออกมาแสดงจุดยืนว่าพร้อมจะทำงานทางการเมืองร่วมกันทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ที่เดินทางมาถึงจะถ่วงดุลย์ทางการเมืองที่สำคัญ แต่ งานสำคัญชิ้นแรกที่จะเป็นเครื่องทดสอบคำสัญญาเรื่องการทำงานร่วมกันคือการผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปี 2558 ของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ยังใช้งบประมาณชั่วคราวอยู่และจะหมดอายุลงในวันที่ 11 ธันวาคมนี้
หลังการเลือกตั้งกลางเทอม พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ที่ 52 ต่อ 45 เสียงของพรรคเดโมแครต ขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลิกันได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 233 ที่นั่ง อีกอย่างน้อย 14 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นการครองเก้าอี้ในสภามากที่สุดในรอบ 70 ปีของพรรครีพับลิกัน
ประธานาธิบดีโอบามา จัดประชุมแถลงข่าวในวันพุธ หลังวันเลือกตั้ง กล่าวและแสดงความยินดีกับพรรรรีพับลิกันที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาอย่างถล่มทลาย อย่างไรก็ตามผู้นำสหรัฐได้กล่าวแสดงความพร้อมที่จะทำข้อตกลงต่างกับรัฐสภาที่ควบคุมโดยพรรครีพับลิกัน แต่ก็พร้อมที่จะใช้สิทธิ์วีโต้ในข้อกฏหมายที่ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า ประชาชนชาวอเมริกันได้ส่งข้อความผ่านการเลือกตั้งในครั้งนี้แล้วว่าต้องการเห็นนักการเมืองที่ทำงานหนัก และทำงานให้สำเร็จลุล่วง