รัฐสภาอเมริกันเตรียมผ่านแผนช่วยเหลือภาคธุรกิจจากโควิด-19 ก่อนหยุดยาวปลายปี

FILE - Senate Republican Majority Leader Mitch McConnell walks past reporters on Capitol Hill in Washington, Dec. 15, 2020.

สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ จากทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ใกล้บรรลุข้อตกลงสำหรับแผนช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มูลค่าเกือบ 750,000 ล้านดอลลาร์

ส.ว.มิทช์ แม็คคอนแนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในวันพุธว่า มีความคืบหน้าไปมากในการเจรจาเพื่อจัดทำแผนช่วยเหลือภาคธุรกิจรอบที่สอง ซึ่งคาดว่าจะผ่านการรับรองของทั้งสองสภาในสัปดาห์นี้

แผนดังกล่าวมีมูลค่ารวม 908,000 ล้านดอลลาร์ ประกอบด้วยร่างกฎหมายสองชุด ชุดแรกมีมูลค่า 748,000 ล้านดอลลาร์ สำหรับช่วยเหลือธุรกิจต่าง ๆ รวมทั้งช่วยเหลือคนตกงาน โรงเรียน และจัดสรรงบประมาณให้แก่ศูนย์แจกจ่ายวัคซีนทั่วประเทศ

ส่วนชุดที่สองมีมูลค่า 160,000 ล้านดอลลาร์สำหรับรัฐบาลส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนที่พรรคเดโมแครตเสนอ และมาพร้อมกับเงื่อนไขจากทางฝั่งพรรครีพับลิกันว่า ภาคธุรกิจต่าง ๆ ต้องได้รับการปกป้องจากการถูกฟ้องร้องในคดีความที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ด้วย

เมื่อคืนวันอังคาร หลังจากหารือกันของผู้นำในรัฐสภาจากทั้งสองพรรค ส.ว.มิทช์ แม็คคอนแนลล์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นที่รู้กันดีว่ารัฐบาลชุดใหม่จะต้องขอให้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับกระทบจากโควิด-19 อีกหลังจากนายโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในปีหน้า ซึ่งทางพรรครีพับลิกันพร้อมที่จะร่วมเจรจาอีกเพื่อหาจุดร่วมที่ดีที่สุด

โดย ส.ว.แม็คคอนแนลล์ จะร่วมประชุมกับประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ​ส.ส.แนนซี เพโลซี จากพรรคเดโมแครต อีกครั้งในเย็นวันพุธนี้ รวมทั้ง ส.ว.ชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา และ ส.ส.เควิน แม็คคาร์ธีย์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาล่าง เข้าร่วมการหารือในครั้งนี้ด้วย

แผนช่วยเหลือภาคธุรกิจมูลค่ากว่า 9 แสนล้านดอลลาร์ดังกล่าวจะรวมอยู่ในงบประมาณฉบับใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ต้องผ่านการรับรองของรัฐสภาสหรัฐฯ ก่อนวันศุกร์นี้ เพื่อเลี่ยงการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลอเมริกัน​ ซึ่งนักการเมืองของทั้งสองพรรคต่างยืนยันว่าพร้อมที่จะทำงานจนถึงวันคริสต์มาสในสัปดาห์หน้าเพื่อให้ผ่านงบประมาณและแผนช่วยเหลือฉบับใหม่นี้ให้ได้

ด้านทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยังไม่ยืนยันการลงนามในงบประมาณฉบับใหม่ จนกว่าจะได้เห็นรายละเอียดในงบประมาณฉบับนี้เสียก่อน