สหรัฐฯ กร้าวจะไม่ลดระดับกดดันอิหร่านหลังเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน

This image released by the Pentagon June 17, 2019, and taken from a U.S. Navy helicopter, shows what the Navy says are members of the Islamic Revolutionary Guard Corps Navy removing an unexploded limpet mine from the M/T Kokuka Courageous.

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมาเตือนว่าสหรัฐฯ จะไม่ลดมาตรการกดดันอิหร่าน หลังจากพบหลักฐานใหม่ที่ชี้ว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันที่อ่าวโอมานเมื่อสัปดาห์ก่อน

นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวระหว่างปฏิบัติภารกิจในรัฐฟลอริดาเมื่อวันอังคารว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการให้เกิดสงครามในตะวันออกกลาง และสหรัฐฯก็จะปฏิบัติตามแนวทางที่จำเป็นเพื่อผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของอิหร่านว่าดำเนินการอย่างไรต่อไป

FILE - The Nimitz-class aircraft carrier USS Abraham Lincoln (CVN 72) pulls alongside the fast combat support ship USNS Arctic (T-AOE 8) for a replenishment-at-sea, in Arabian Sea, June 7, 2019.

ท่าทีของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากความบาดหมางระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านเริ่มรุนแรงขึ้น จากที่เมื่อวันจันทร์กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน เผยแพร่ภาพถ่ายเป็นหลักฐานชิ้นใหม่ที่ระบุว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันสองลำในเส้นทางเดินเรือสำคัญบนอ่าวโอมาน บริเวณช่องแคบฮอร์มุส นอกชายฝั่งอิหร่าน

อีกด้านหนึ่ง นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แองเกลา แมร์เคิล กล่าวเมื่อวันอังคารที่กรุงเบอร์ลิน เรียกร้องให้เร่งหาข้อยุติความขัดแย้งในอ่าวเปอร์เซีย แต่ได้เตือนว่ามีหลักฐานที่ชัดเจนว่ารัฐบาลเตหะรานอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันเมื่อสัปดาห์ก่อน รวมทั้งเตือนอิหร่านถึงผลที่ตามมาจากการละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์

ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีอิหร่าน ฮัสซาน รูฮานี แถลงการณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า รัฐบาลกรุงเตหะรานไม่ได้ต้องการให้เกิดสงคราม และว่าความพยายามของสหรัฐฯ ในการโดดเดี่ยวอิหร่านนั้นไม่ประสบความสำเร็จ

(เรียบเรียงบทความจาก Carla Babb และ Nike Ching ผู้สื่อข่าว VOA)