รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินการด่วนพิเศษในวันอาทิตย์เพื่อสกัดความเสี่ยงของการเกิดวิกฤตธนาคาร หลังการล้มครืนของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ พร้อมให้การรับประกันกับผู้ฝากเงินของธนาคารแห่งนี้ว่า ทุกคนจะเข้าถึงเงินฝากของตนได้เร็ว ๆ นี้ ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
การประกาศแผนป้องกันวิกฤตวงกว้างของวอชิงตันนี้มีออกมา ขณะที่เกิดกระแสความกลัวว่า การล้มครืนของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์จะส่งผลกระทบลูกโซ่กระจายไปยังสถาบันการเงินอื่น ๆ ทั้งยังได้รับการเปิดเผยออกมาไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียจะเริ่มเปิดซื้อขายในวันจันทร์ด้วย
รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลกิจการธนาคารสหรัฐฯ เร่งทำงานตลอดสุดสัปดาห์เพื่อพยายามหานักลงทุนมาเข้าซื้อกิจการธนาคารที่มีปัญหานี้ที่ถือเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองที่ล้มในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ด้วย
แต่จนถึงสิ้นวันอาทิตย์ ความพยายามดังกล่าวก็ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด
นอกจากนั้น สัญญาณของการยกระดับของปัญหานี้เริ่มปรากฏขึ้นในวันอาทิตย์ หลังหน่วยงานกำกับดูแลกิจการประกาศว่า ธนาคารซิกเนเจอร์ (Signature Bank) ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์กล้มครืนลงแล้ว และกระบวนการยึดทรัพย์สินก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วด้วย
ด้วยขนาดสินทรัพย์ที่กว่า 110,000 ล้านดอลลาร์ ธนาคารซิกเนเจอร์ถือเป็นสถาบันการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามที่ต้องปิดตัวลง
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ธนาคารกลางสหรัฐฯ และบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation) เปิดเผยในวันอาทิตย์ด้วยว่า ลูกค้าของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์จะได้รับการคุ้มครองและจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตนได้ พร้อมประกาศขั้นตอนกระบวนการที่จะช่วยปกป้องลูกค้าทุกคนและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ลูกค้าแห่กันถอนเงินกันยกใหญ่ด้วย
แถลงการณ์ร่วมของหน่วยงานทั้งสามนี้ระบุว่า “ขั้นตอนที่ว่านี้จะทำให้(ทุกฝ่าย)มั่นใจว่า ระบบธนาคารสหรัฐฯ จะเดินหน้าบทบาทที่สำคัญในการปกป้องเงินฝากและจัดหาช่องทางการเข้าถึงเครดิตให้แก่ครัวเรือนและธุรกิจต่าง ๆ ในแบบที่จะช่วยส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เข็มแข็งและยั่งยืน”
- ที่มา: เอพี