หลายคนคงคุ้นเคยกับวันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี ที่ชาวอเมริกันจะฉลอง วันประกาศอิสรภาพ หรือ Independence Day โดยวันนี้ถือเป็นวันหยุดประจำปีทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1941
เว็บไซต์ History.com ระบุว่า ความเป็นจริงนั้น การฉลองวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อศตวรรษที่ 18 โดยในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 หรือเมื่อ 245 ปีที่แล้ว สภาแห่งภาคพื้นทวีป (Continental Congress) หรือ สภาฟิลาเดลเฟีย ลงมติเห็นชอบให้ประกาศอิสรภาพของประเทศ และ 2 วันต่อมา ผู้แทนจากรัฐอาณานิคมของอังกฤษ 13 รัฐเข้าร่วมลงนามการประกาศอิสรภาพอย่างเป็นทางการ โดยเอกสารสำคัญในการนี้ถูกร่างขึ้นโดย โธมัส เจฟเฟอร์สัน
และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1776 ชาวอเมริกันทำการเฉลิมฉลองวันสำคัญนี้สืบเนื่องจนถึงปัจจุบัน ด้วยกิจกรรมมากมาย ทั้งการจุดพลุ การเดินขบวนพาเหรด และคอนเสิร์ตต่าง ๆ ไปจนถึงการร่วมวงรับประทานอาหาร โดยเฉพาะบาร์บีคิว ภายในครอบครัว
ประวัติของวันประกาศอิสรภาพ
เมื่อช่วงเริ่มต้นของสงครามปฏิวัติอเมริกัน (Revolutionary War) เมื่อเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1775 รัฐอาณานิคมหลายแห่งไม่ได้มีความต้องการจะได้อิสรภาพอย่างเต็มตัวจากอังกฤษ กระทั่งเวลาล่วงเลยมาอีกกว่าปี ที่หลายฝ่ายเริ่มต้องการแยกตัวเต็มที่ เนื่องจากความไม่พอใจต่ออังกฤษที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง จนถึงวันที่ 6 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1776 ที่มีการประชุมสภาแห่งภาคพื้นทวีป ที่อาคารที่ทำการรัฐเพนซิลเวเนีย (ซึ่งภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อเป็น หออิสรภาพ - Independence Hall) ในเมืองฟิลาเดลเฟีย และ ริชาร์ด เฮนรี่ ลี ผู้แทนจากเวอร์จิเนีย เสนอญัตติให้รัฐอาณานิคมประกาศตัวเป็นอิสระ ซึ่งมีการอภิปรายอย่างดุเดือดจนต้องเลื่อนการลงมติออกไป แต่แต่งตั้งคณะกรรมาธิการที่มีสมาชิก 5 คน รับหน้าที่ร่างแถลงการณ์แสดงเหตุผลของการแยกตัวออกจากอังกฤษ
ต่อมา ในวันที่ 2 กรกฎาคม สภาฯ ได้ลงมติเห็นชอบการแยกตัวนี้ และ ริชาร์ด เฮนรี่ ลี ผู้เสนอญัตตินี้ เขียนจดหมายถึงภรรยาของเขาว่า วันที่ 2 กรกฎาคม “จะเป็นวันที่มีการฉลองใหญ่ซึ่งจะสืบเนื่องต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น” ก่อนที่สภาแห่งภาคพื้นทวีปจะประกาศอิสรภาพอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งกลายมาเป็นวันชาติอย่างเป็นทางการสืบมา
การเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐฯ ในช่วงแรก
ก่อนที่เกิดสงครามปฏิวัติอเมริกัน ประชาชนในรัฐอาณานิคมทั้งหลายฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาขององค์กษัตริย์แห่งอังกฤษ ด้วยการสั่นระฆัง ร่วมงานชุมนุมรอบกองไฟ และร่วมหรือชมขบวนแห่ เป็นต้น
แต่เมื่อถึงช่วงราวกลางปี ค.ศ. 1776 งานรื่นเริงสำคัญประจำปีของเหล่ารัฐอาณานิคมในการเฉลิมฉลองการเริ่มต้นของอิสรภาพกลายมาเป็นการจำลองงานพระราชพิธีพระบรมศพของพระเจ้าจอร์จที่ 3 ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นรูปแบบของงานรื่นเริงอย่างที่กล่าวมาข้างต้นในปีต่อมา
งานแสดงดอกไม้ไฟของวันที่ 4 กรกฎาคม
ประเพณีการจุดพลุหรือดอกไม้ไฟเพื่อฉลองวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกานั้น เริ่มต้นครั้งแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1777 โดยเป็นการยิงปืนใหญ่ 13 ครั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่รัฐอาณานิคมทั้ง 13 รัฐ ก่อนที่จะกลายมาเป็นการจุดดอกไมไฟขึ้นฟ้าในเวลาต่อมา
การประกาศให้วันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปีเป็นวันหยุดแห่งชาติ
ประเพณีการฉลองความรักชาติของชาวอเมริกันเริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางหลังสงคราม ค.ศ. 1812 ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐฯ เผชิญหน้ากับอังกฤษอยู่ แต่การประกาศให้วันที่ 4 กรกฎาคมเป็นวันหยุดแห่งชาตินั้นเกิดขึ้นเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1870 โดยสภาคองเกรส
และแม้ในช่วงหลายปีหลังจากนั้น ความสำคัญของวันหยุดต่างๆ ในแง่ของการเมืองจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ วันประกาศอิสรภาพยังคงเป็นวันสำคัญของประเทศและสัญลักษณ์ของความรักชาติอย่างไม่เสื่อมคลาย
และเนื่องจากวันที่นี้ตรงกับช่วงกลางฤดูร้อน วันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปีกลายมาเป็นจุดสนใจของกิจกรรมสันทนาการมากมายตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เรื่อยมา โดยสมาชิกในครอบครัวชาวอเมริกันจะถือโอกาสกลับมาใช้เวลาร่วมกัน ด้วยการชมการแสดงดอกไม้ไฟและรับประทานบาร์บีคิวนอกบ้านกันอย่างคึกคัก โดยมีสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การประดับธงชาติอเมริกัน และการบรรเลงเพลง The Star-Spangled Banner ซึ่งเป็นเพลงชาติประกอบนั่นเอง