สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ได้อพยพประชาชนอีก 7,400 คนออกจากกรุงคาบูลในวันอาทิตย์ แม้จะเกิดเหตุจลาจลที่สนามบินกรุงคาบูล หลังจากที่กลุ่มตาลิบันยึดครองอัฟกานิสถานไว้ได้ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวกับรายการ “Fox News Sunday” ว่า ได้อพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถานไปแล้ว 60 เที่ยวบินในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเป็นจำนวน 25,100 คน และเมื่อรวมกับที่อพยพออกมาตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 30,000 คน โดยผู้อพยพเหล่านั้นจะถูกนำไปส่งที่ค่ายผู้ลี้ภัยในตะวันออกกลางและยุโรป
รัฐมนตรีบลิงเคน กล่าวว่า "จะทำทุกอย่างเพื่อนำชาวอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานอย่างปลอดภัย"
การอพยพประชาชนออกจากกรุงคาบูลส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่สนามบินแห่งหนึ่ง แต่ก็มีรายงานว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์สามลำไปช่วยเหลือคนอเมริกัน 169 คนออกจากโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงคาบูลเช่นกัน
SEE ALSO: กลาโหมอังกฤษเผย มีผู้เสียชีวิต 7 รายจากเหตุจลาจลที่สนามบินกรุงคาบูลวันเสาร์
สหรัฐฯ มีข้อตกลงกับ 26 ประเทศขนย้ายประชาชนออกจากอัฟกานิสถาน
ทางด้านที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว เจค ซัลลิแวน กล่าวกับสถานีข่าวซีเอ็นเอ็นและเอ็นบีซี ในวันอาทิตย์ว่า ทหารสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพลเมืองอเมริกันให้เดินทางออกจากอัฟกานิสถาน และเชื่อว่าขณะนี้สหรัฐฯ มีกำลังทหารเพียงพอในการควบคุมฝูงชนที่พยายามเดินทางออกจากกรุงคาบูล
ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐฯ มีข้อตกลงกับ 26 ประเทศในการขนย้ายพลเมืองอเมริกัน ชาวอัฟกันบางส่วน และพลเมืองของประเทศอื่น ๆ ออกจากอัฟกานิสถานไปส่งยังฐานทัพอากาศของประเทศเพื่อนบ้านและในภูมิภาคอื่น ๆ
นายซัลลิแวนกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ ได้แจ้งไปยังกลุ่มตาลิบันให้รับทราบแล้วว่า หากมีชาวอเมริกันถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปในสนามบินกรุงคาบูล ไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ หรือภารกิจอพยพประชาชนของสหรัฐฯ ถูกขัดขวางในกรณีใดก็ตาม สหรัฐฯ จะตอบโต้ต่อการกระทำนั้นทันที
SEE ALSO: ไบเดน/อเมริกาจะฟันฝ่าปัญหาวิกฤติภาพลักษณ์เรื่องอัฟกานิสถานได้อย่างไร
กลาโหมสหรัฐฯ อนุมัติใช้เครื่องบินพาณิชย์ช่วยขนย้ายประชาชน
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน ได้สั่งการอนุญาตให้ใช้เครื่องบินโดยสารของสายการบินพาณิชย์ของสหรัฐฯ จำนวน 18 ลำจาก 6 สายการบิน รวมถึง ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ และอเมริกันแอร์ไลน์ ในการขนส่งพลเมืองอเมริกันและชาวอัฟกันบางส่วนออกจากอัฟกานิสถาน
ถือเป็นครั้งที่สามในรอบ 30 ปีที่ทางการสหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้เครื่องบินเอกชนในกิจการทางทหาร ต่อจากสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี ค.ศ. 1990 - 1991 และสงครามในอิรักเมื่อปี 2002 - 2003
รัฐมนตรีออสตินกล่าวว่า เครื่องบินพาณิชย์ที่ถูกนำมาใช้ในครั้งนี้ไม่ได้ใช้ในการขนส่งประชาชนออกจากกรุงคาบูลโดยตรง แต่จะเป็นเที่ยวบินที่ออกจากศูนย์พักพิงผู้อพยพชั่วคราว เช่นในประเทศแถบตะวันออกกลาง เพื่อนำไปส่งยังค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศปลายทางอื่น ๆ ต่อไป
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า การใช้เครื่องบินพาณิชย์มาช่วยในกิจการนี้ จะทำให้กองทัพอเมริกันสามารถมุ่งความสำคัญไปที่การอพยพประชาชนออกจากกรุงคาบูลได้มากขึ้น