ยอดติดโควิดในสหรัฐฯ พุ่งเกินวันละ 100,000 รายเป็นครั้งแรก - ยุโรปล็อคดาวน์หลายเมือง

สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสเกิน 100,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อต้นปีนี้ จากข้อมูลการตรวจสอบของ The COVID Tracking Project ที่ได้รับการสนับสนุนจากวารสารข่าว ​The Atlantic

ข้อมูลยังระบุด้วยว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในโรงพยาบาลทั่วสหรัฐฯ มากกว่า 50,000 รายในวันพุธ โดยพื้นที่ที่กำลังเกิดการระบาดมากที่สุดในสหรัฐฯ คือในแถบกลางประเทศค่อนไปทางตะวันตก

ขณะเดียวกัน หลายประเทศในยุโรปพบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นระลอกใหม่ ทำให้รัฐบาลในยุโรปต้องนำมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดกลับมาใช้อีกครั้ง

ที่อิตาลี นายกรัฐมนตรีจูเซ็ปเป คอนเต เปิดเผยมาตรการกำหนดการเตือนภัยการระบาด 3 ระดับ คือ สีแดง สีส้ม และสีเหลือง ซึ่งหมายถึงความเข้มข้นของมาตรการควบคุมการระบาดที่จะเพิ่มขึ้นในแต่ละระดับด้วย

โดยสีแดงคือพื้นที่ที่มีการจำกัดกิจกรรมของประชาชนมากที่สุด ประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านแค่ไปทำงานและไปพบแพทย์เท่านั้น สีส้มคือประชาชนสามารถเดินทางได้ภายในเขตหรือเมืองที่ตนเองอาศัยอยู่เท่านั้น และห้ามรับประทานอาหารภายในร้านอาหารหรือบาร์ต่าง ๆ ขณะที่สีเหลืองมีการควบคุมจำกัดน้อยที่สุด

มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ในอิตาลีตั้งแต่วันศุกร์นี้ไปจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม ถือเป็นประเทศล่าสุดในยุโรป ต่อจากอังกฤษ เบลเยียม และเยอรมนีิ ที่ใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการระบาดของโคโรนาไวรัส

ส่วนที่อังกฤษ รัฐบาลเริ่มใช้มาตรการล็อคดาวน์เมื่อเวลา 1.00 น. ของเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากที่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 492 รายในวันพุธที่ผ่านมา

ปัจจุบัน อังกฤษมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในยุโรป ด้วยจำนวนเกือบ 48,000 คน และมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 20,000 รายต่อวัน ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 1.1 ล้านคน

ภายใต้มาตรการล็อคดาวน์รอบใหม่ ประชาชนจะถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่ภายในบ้านจนถึงวันที่ 2 ธันวาคม ธุรกิจที่ไม่สำคัญจะถูกปิดทั้งหมด ขณะที่สก็อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ต่างมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดเช่นกัน