ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสรายใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น 11% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะยอดผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ
ผู้อำนวยการ CDC โรเชลล์ วาเลนสกี กล่าวในการแถลงสรุปสถานการณ์การระบาดประจำสัปดาห์ ที่ทำเนียบขาว ระบุว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นราว 7% ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตกลับลดลงต่อเนื่อง
วาเลนสกี กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความจริง 2 ข้อในสหรัฐฯ หนึ่งคือการฉีดวัคซีนให้คนอเมริกันจำนวนมากสามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ลงได้อย่างมากจากระดับสูงสุดเมื่อเดือนมกราคม สองคือกำลังมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงในพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำซึ่งพบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาที่สามารถติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดิม
ผู้อำนวยการ CDC กล่าวว่า เวลานี้สายพันธุ์เดลตาได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ เมื่อดูจากอัตราส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 50% ที่เป็นสายพันธุ์เดลตา เพิ่มจากระดับ 26% เมื่อราวสองสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งหากดูข้อมูลในบางพื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ เช่นในรัฐกลางประเทศหรือรัฐแถบหุบเขาต่าง ๆ จะพบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นสายพันธุ์เดลตาถึงมากกว่า 80%
โดยในจำนวน 173 เขตปกครองในสหรัฐฯ ที่มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่า 100 คนในประชากร 100,000 คน พบว่ามีถึง 93 เขตปกครองที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำว่า 40%
ทั้งผู้อำนวยการ CDC โรเชลล์ วาเลนสกี และผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ นายแพทย์แอนโธนี เฟาชี ต่างเน้นย้ำความสำคัญของการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดต่อและลดความรุนแรงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั้งสองคนยังระบุชัดเจนว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วจะมีภูมิต้านทานเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในระดับสูง และไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่ภายในอาคาร