รัฐแคลิฟอร์เนีย และอีกกว่า 20 รัฐทั่วอเมริกา เผชิญกับยอดผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากโควิด-19 หลังการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมเมื่อช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ทางการต้องพิจารณายกระดับการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัสกันอีกครั้ง ตามรายงานของรอยเตอร์
ตอนนี้หลายพื้นที่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย แอริโซนา และหลายรัฐทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา มียอดติดเชื้อและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากโควิด-19 พุ่งสูงขึ้น ไม่กี่สัปดาห์หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์และกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้บางส่วน และที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ หนึ่งในพื้นที่ระบาดหนักของโควิด-19 ในอเมริกา ที่ยอดผู้เสียชีวิตกว่า 12,000 รายในรัฐนี้ เพิ่งจะผ่อนคลายมาตรการ stay-at-home ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
แคลิฟอร์เนีย ประกาศเขตพื้นที่เฝ้าระวังโควิด-19 รอบใหม่ รวมถึงนครลอสแอนเจลิส ซานตา คลารา ซาคราเมนโต และเฟรสโน ซึ่งกระทบกับพลเมืองกว่าครึ่งรัฐ คือกว่า 18 ล้านคนจาก 39 ล้านคนที่พำนักอยู่ในแคลิฟอร์เนีย ที่อาจต้องกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์อีกครั้งหากสถานการณ์เลวร้ายลง
ส่วนรัฐแอริโซนา รัฐแรกๆที่กลับมาเปิดเศรษฐกิจช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เร่งบังคับใช้แผนฉุกเฉินในการรับมือกับการระบาดรอบใหม่ หลังพบยอดติดเชื้อพุ่ง 115% หลังจากเปิดเศรษฐกิจ
ด้านผู้อำนวยการฝ่ายสาธารณสุขของเขตปกครองซาคราเมนโต เคาน์ตี โอลิเวีย คาซีเย บอกว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตอนนี้ ส่วนใหญ่มีประวัติการไปเข้าร่วมกิจกรรมกับคนหมู่มากหลังผ่อนคลายล็อคดาวน์ เช่น งานปาร์ตี้วันเกิดหรืองานศพ และส่วนใหญ่เป็นการรวมตัวกันที่บ้าน
ขณะที่ทางการในรัฐอื่นๆ ต่างแสดงความกังวลว่าประชาชนเริ่มไม่รักษาระยะห่างทางสังคมหลังผ่อนคลายล็อคดาวน์ และยังไม่รวมผลกระทบหลังจากการเดินขบวนประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับจอร์จ ฟลอยด์ ที่ดำเนินอยู่ในหลายรัฐทั่วประเทศ
ทั้งนี้ข้อมูลจากรอยเตอร์ ที่เก็บข้อมูลล่าสุดเมื่อวันอังคาร พบว่ามี 21 รัฐทั่วอเมริกา พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างที่แอริโซนา ยูทาห์ และนิวเม็กซิโก พบผู้ติดเชื้อพุ่ง 40% เมื่อสัปดาห์ก่อน และยอดผู้ติดเชื้อรวมทั่วอเมริกาตอนนี้เกือบ 2 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 111,000 คนแล้ว