สหรัฐฯ-จีนยกระดับความขัดเเย้งทางการค้า กดดันดาวโจนส์ดิ่ง 600 จุด

FILE - Women pass by a U.S. fashion apparel store in Beijing, China, May 6, 2019.

ทางการจีนเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอเมริกันมูลค่า 7 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นการตอบโต้มาตรการแบบเดียวกันจากสหรัฐฯต่อสินค้าจีนที่จะมีผลในวันที่ 1 กันยายน

ในคำประกาศของจีน ทางการปักกิ่งระบุเพิ่มเติมว่าจะกลับมาเก็บภาษีร้อยละ 25 ต่อสินค้าประเภทยานยนต์จากสหรัฐฯ ด้วย

หลังจากนั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ทวีตว่า ตนได้สั่งให้บริษัทอเมริกันหาตลาดทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่จีน

ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีส่วนกดดันบรรยากาศการลงทุน โดยดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯร่วง 623.34 จุด มาปิดที่ 25,628.90 ในวันศุกร์

A trader talks on his phone on the floor of the New York Stock Exchange, Jan. 2, 2019.

สื่อ The Wall Street ของสหรัฐฯรายงานว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์เช่น ทองเเดงและน้ำมันดิบ ลดลงด้วย

ในวันศุกร์เช่นกัน ประธานระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดฯ (Federal Reserve) นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า ความไม่แน่นอนเรื่องนโยบายการค้ามีส่วนทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว

เขากล่าวว่า ประเด็นการค้ามีบทบาททำให้ภาคการผลิตและการลงทุนในสหรัฐฯอ่อนตัวลง

นายพาวเวลล์ บอกด้วยว่าระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ จะดำเนินการเพื่อให้เศรษฐกิจมีแรงขยายตัวต่อ

และเช่นเคย การเเสดงทัศนะของนายพาวเวลล์ถูกตอบโต้โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ ผ่านทวิตเตอร์ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯบอกว่า เฟดฯ "ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น"

ในช่วงเย็นวันศุกร์หลังตลาดหุ้นอเมริกันปิดการซื้อขาย ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งทวีตอีกข้อความหนึ่งที่ระบุว่าจะขึ้นภาษีต่อสินค้าจีนเพิ่ม ตามรายงานของ New York Times และ The Wall Street Journal

นักวิเคราะห์บางคนได้เตือนว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจทำให้สหรัฐฯเดินทางสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

Federal Reserve board member Jerome Powell speaks after President Donald Trump announced him as his nominee for the next chair of the Federal Reserve in the Rose Garden of the White House in Washington, Nov. 2, 2017.