ในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มใช้มาตรการกีดกันทางเศรษฐกิจชุดใหม่ต่อจีน ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
ปธน.ทรัมป์ ระบุว่ามาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจชุดใหม่มีขึ้นเพื่อตอบโต้ต่อข้อกล่าวหาเรื่องจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากบริษัทอเมริกันที่ลงทุนในจีน โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะจำกัดการลงทุนของจีนในสหรัฐฯ เหมือนกับที่จีนจำกัดการลงทุนของบริษัทอเมริกันในจีนด้วย โดยมีเป้าหมายลดยอดขาดดุลการค้าที่สหรัฐฯ มีต่อจีน
ที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ มักตำหนิวิจารณ์ถึงยอดขาดดุลการค้ามหาศาลที่สหรัฐฯ มีต่อจีน คิดเป็นมูลค่าราว 375,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยคาดว่าอัตราภาษีใหม่นี้จะช่วยลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับจีน ลงได้ราว 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าจีนจะตอบโต้มาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ครั้งนี้ และอาจนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างประเทศได้
ขณะที่บรรดาห้างขายปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น Walmart รวมทั้งบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ อย่าง Apple ต่างเกรงว่าการขึ้นภาษีนี้จะทำให้ราคาสินค้าในอเมริกาสูงขึ้น เพราะส่วนใหญ่ต่างผลิตในจีน และอาจไม่ได้ช่วยลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ แต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ระบุในวันพฤหัสบดีว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะยกเว้นสหภาพยุโรป และประเทศคู่ค้าอื่นๆ จากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าประเภทเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ที่ลงนามไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
นายโรเบิร์ต ไลท์ธิเซอร์ (Robert Lighthizer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า มีหลายประเทศที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับสหรัฐฯ ที่อาจได้รับการยกเว้นจากการขึ้นภาษีครั้งนี้ ซึ่งรวมถึง แคนาดา เม็กซิโก ออสเตรเลีย อาร์เจนติน่า เกาหลีใต้ และหลายประเทศในยุโรปด้วย