‘ซีดีซี’ สหรัฐฯ โหวตแนะนำวัคซีน mRNA มากกว่าวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

Virus Outbreak Fixing the CDC

ในวันพฤหัสบดี คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านภูมิคุ้มกันของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ลงคะแนนเสียงรับรองการแนะนำให้ชาวอเมริกันเลือกรับวัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอนเท็ค และของโมเดอร์นา แทนวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เนื่องจากวัคซีนสูตรหลังมีความเชื่อมโยงกับภาวะลิ่มเลือดที่ถึงแม้จะพบได้น้อยแต่ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการดังกล่าวลงคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยซีดีซีจะรับรองแนวทางดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ผู้ฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันบางรายเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำ โดยกลุ่มหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี เป็นกลุ่มที่พบภาวะดังกล่าวมากที่สุด

ซีดีซีระบุว่า อัตราการเกิดภาวะดังกล่าวสูงเกินกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ทั้งในหญิงและชาย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยเก้ารายจากภาวะลิ่มเลือดในสหรัฐฯ

คณะกรรมการชุดนี้ยังระบุด้วยว่า วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มีประสิทธิผลต้านโรคโควิด-19 ต่ำกว่าวัคซีน mRNA อีกสองสูตรที่ได้รับการรับรองในสหรัฐฯ

ดร. เพนนี ฮีทัน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์พัฒนาวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กล่าวระหว่างนำเสนอกับคณะกรรมการชุดนี้ว่า วัคซีนสูตรนี้ตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันอย่างแข็งแรงและคงทนด้วยการฉีดวัคซีนเพียงโดสเดียว และจะช่วยรักษาชีวิตในสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลกที่ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถกลับมารับวัคซีนเข็มสองหรือวัคซีนบูสเตอร์ได้

ทั้งนี้ วัคซีนสูตรดังกล่าวใช้เทคโนโลยีอะดีโนไวรัสปรับแต่งเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ที่ฉีดวัคซีนโดยเมื่อเดือนมีนาคม วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันถูกรับรองให้ใช้ได้เป็นการฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ในเดือนถัดมา ก็มีการระงับการใช้วัคซีนสูตรนี้เป็นเวลา 10 วัน เพื่อสืบสวนกรณีที่พบผู้ฉีดวัคซีนมีภาวะลิ่มเลือด

เมื่อวันพฤหัสบดี นักวิทยาศาสตร์ของซีดีซีรายหนึ่งระบุว่า อัตราการเสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำไม่ได้ลดลง นับตั้งแต่มีการระงับการฉีดวัคซีนชั่วคราวเมื่อเดือนเมษายน

ทั้งนี้ ผู้ที่ฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันในสหรัฐฯ มีจำนวนน้อยกว่าผู้ฉีดวัคซีน mRNA ทั้งสองสูตรเป็นอย่างมาก ข้อมูลของซีดีซีระบุว่า มีผู้ฉีดวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์จอห์นสัน 16 ล้านคน จากผู้ฉีดวัคซีนครบโดสทั้งหมดกว่า 200 ล้านคนในสหรัฐฯ

(ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์)