เมื่อวันพุธ (22 ก.ค.) กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์สหรัฐฯ เผยถึงการทำสัญญามูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์กับ ไฟเซอร์ (Pfizer) บริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน และไบโอเอ็นเทค (BioNTech) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติเยอรมัน เพื่อซื้อวัคซีนโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดส หากพัฒนาเป็นผลสำเร็จ จากรายงานของสื่อนิวยอร์กไทมส์
โดยในสัญญาดังกล่าว รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะได้รับวัคซีน 100 ล้านโดสแรกภายในเดือนธันวาคมปีนี้หากพัฒนาสำเร็จ ในราคา 1,950 ล้านดอลลาร์ และมีสิทธิ์ซื้อวัคซีนเพิ่มได้อีก 500 ล้านโดสหากได้รับการพิสูจน์แล้วว่า "ปลอดภัยและมีประสิทธิผล"
ไฟเซอร์ กล่าวว่า ราคาสำหรับวัคซีนส่วนเพิ่มอีก 500 ล้านโดสนี้จะมีการตกลงกันแยกต่างหากเมื่อมีคำสั่งซื้อจากรัฐบาลอเมริกันเข้ามา
วัคซีนดังกล่าวจะต้องผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ เสียก่อนถึงจะแจกจ่ายได้ ซึ่งชาวอเมริกันจะได้รับวัคซีนนี้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ จะมีการทดลองความปลอดภัยของวัคซีนในกลุ่มอาสาสมัครชุดใหญ่ในเดือนนี้ และจะมีการทบทวนกฎระเบียบในเดือน ต.ค.
สัญญาฉบับนี้เป็นสัญญาฉบับใหญ่ที่สุดของโครงการ “Operation Warp Speed” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและบริษัทยาและเวชภัณฑ์ของเอกชน เพื่อร่นเวลาการพัฒนาและผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถส่งมอบวัคซีนโควิด-19 จำนวน 300 ล้านโดสได้ภายในเดือนมกราคมปีหน้า
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประกาศว่าจะจ่ายเงิน 1,600 ล้านดอลลาร์ให้โนวาแวกซ์ (Novavax) บริษัทพัฒนาวัคซีนในรัฐแมรีแลนด์ เพื่อเร่งพัฒนาวัคซีนรับมือไวรัสโควิด-19 แล้วเช่นกัน