สหรัฐฯเริ่มโครงการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียดื้อยาด้วยการส่งเสริมให้มีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม

Antibiotics

ปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยากำลังกลายเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญในสหรัฐฯ ที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น

Your browser doesn’t support HTML5

รัฐบาลสหรัฐฯ ริเริ่มโครงการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียดื้อยา

นาง Peggy Lillis คิดว่าตนเองป่วยด้วยเชื้อไวรัสลงกระเพาะแต่แพทย์พบว่าคุณแม่ชาวนิวยอร์คคนนี้ป่วยเพราะติดเชื้อแบคทีเรียและเธอเสียชีวิตหลังล้มป่วยได้ไม่กี่วันเท่านั้น

เชื้อแบคทีเรีย C. difficile เป็นหนึ่งในเชื้อแบคทีเรียดื้อยาชนิดซุปเปอร์บัคที่พบบ่อยมากขึ้น

เด็กชาย Nile Moss อายุ 15 ปี ชาวแคลิฟอร์เนียล้มป่วยหลังเข้ารับการตรวจร่างกายตามปกติ ไม่กี่วันหลังจากนั้นได้เสียชีวิตลงด้วยอาการปอดบวมที่เกิดจากการติดเชื้อ staphylococcus aureus or MRSA ที่ดื้อต่อยา methicillin เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เป็นที่รู้จักในนาม "hospital superbug" ที่พบในโรงพยาบาล

ส่วนนาย Joshua Nahum ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุระหว่างการ sky-diving เขาเกือบจะหายดีแล้วแต่กลับเสียชีวิตจากการติดเชื้อ gram-negative ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่พบน้อยมากและไม่มียาปฏิชีวนะรักษา

ครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งสามรายนี้เข้าฟังการบรรยายของนาย Tom Frieden ผู้อำนวยการแห่งสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐฯ (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ที่กล่าวถึงการเสียชีวิตของสมาชิกของครอบครัวทั้งสามเมื่อเร็วๆ นี้ในงานประชุมเกี่ยวกับการควบคุมใช้ยาปฏิชีวนะที่ทำเนียบขาว

นาย Tom Frieden เน้นความเสี่ยงที่มากับการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสมและความเสี่ยงจากการขาดแคลนยาปฏิชีวนะที่ได้ผลในการรักษา

ในกรณีของนาง Lillis ยาปฏิชีวนะที่ใช้หลังการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำน่าจะเป็นต้นเหตุไปทำลายแบคทีเรียในลำไส้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้คนไข้ติดเชื้อ C. difficile ได้ง่ายขึ้น

สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐฯหรือ CDC ประมาณว่าราว 50 เปอร์เซ็นต์ของการสั่งยาปฏิชีวนะแก่ผู้ป่วยทั้งหมดในสหรัฐฯ ไม่มีความจำเป็นจริงๆ และไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ C. difficile ให้สูงขึ้น

ในสหรัฐฯ การใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินความจำเป็นและการใช้ยาอย่างผิดๆ เป็นเหตุให้ยาปฏิชีวนะใช้ไม่ได้ผลในการรักษาอาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย ทางสำนักงาน CDC ประมาณว่าแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะเป็นสาเหตุให้คนล้มป่วยปีละ 2 ล้านคนและราว 23,000 คนเสียชีวิตลงทุกปีในสหรัฐฯ

Dr. Frieden ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐฯกล่าวว่า หากไม่มีมาตรการควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ให้ดีขึ้น ยาปฏิชีวนะที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและที่จะพัฒนาขึ้นในอาคตจะไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย

เขากล่าวว่าหากยาปฏิชีวนะใช้ไม่ได้ผล ก็จะไม่สามารถให้การรักษาพยาบาลที่ปลอดภัยแก่ชาวอเมริกันจำนวน 600,000 คนต่อปีได้ ซึ่งเป็นคนไข้มะเร็งที่ใช้เคมีบำบัด คนไข้ที่รับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะตลอดจนคนไข้ทั่วไป

ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า แห่งสหรัฐฯได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆแก่การแก้ปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยาและได้เริ่มโครงการแผนปฏิบัติการระดับชาติที่ยาวนาน 5 ปีในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีงบประมาณดำเนินการหนึ่งแสนสองหมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และเสนอเพิ่มงบประมาณขึ้นอีกเท่าตัวในปีหน้า

แผนของประธานาธิบดีโอบาม่านี้เร่งเร้าให้เพิ่มการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียดื้อยาที่มีโอกาสเกิดขึ้นทั้งในคนและสัตว์ การตรวจวินิจฉัยเพื่อระบุตัวเชื้อแบคทีเรียดื้อยาและเร่งค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนายาปฏิชีวนะและวัคซีนชนิดใหม่ๆ


การประชุมที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา มีบริษัทผลิตอาหาร ผู้ค้าปลีก ผู้ผลิตยารักษาโรค ผู้เกี่ยวข้องกับระบบรักษาพยายาลเข้าร่วมมากกว่า 150 แห่ง เพื่อถกมาตราการต่างๆ ที่จะช่วยจำกัดการใช้ยาปฏิชีวนะ ทั้งที่แพทย์เป็นผู้ออกใบสั่งยาและที่เกษตรกรใช้ในการเลี้ยงปศุสัตว์และที่ใช้ผสมลงในอาหารสัตว์