'เกรตต้า ธันเบิร์ก' ตำหนิผู้นำโลกที่ยูเอ็น "โยนความหวังด้านสิ่งแวดล้อมไว้กับเด็ก!"

Environmental activist Greta Thunberg, of Sweden, addresses the Climate Action Summit in the United Nations General Assembly, at U.N. headquarters, Sept. 23, 2019.

เกรตต้า ธันเบิร์ก (Greta Thunberg) นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมวัย 16 ปีชาวสวีเดน ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อบรรดาผู้นำจากหลายประเทศทั่วโลกที่ร่วมประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ (UN Climate Action Summit) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ในวันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2562 ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก

เกรตต้า กล่าวว่า "ดิฉันไม่สมควรอยู่ที่นี่ ฉันควรจะอยู่ในห้องเรียนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทร แต่พวกคุณกลับโยนความหวังมาให้กับพวกเราคนรุ่นใหม่ กล้าดียังไง!"

และ "คุณขโมยความฝันและวัยเด็กของฉัน ด้วยคำพูดที่ว่างเปล่า..."

วัยรุ่นหญิงวัย 16 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า "ผู้คนกำลังเดือดร้อน ผู้คนกำลังจะตาย ระบบนิเวศน์ทั้งหมดต่างล้มครืน เรากำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ แต่สิ่งที่พวกคุณพูดถึงมีแต่เรื่องของเงิน และนิทานเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจที่ไม่สิ้นสุด! กล้าดียังไง!"

เรากำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ แต่สิ่งที่พวกคุณพูดถึงมีแต่เรื่องของเงิน และนิทานเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจที่ไม่สิ้นสุด! กล้าดียังไง!
เกรตต้า ธันเบิร์ก


เกรตต้า ยังกล่าววิจารณ์บรรดาผู้นำโลกว่า "พวกคุณทำให้เราผิดหวัง แต่บรรดาคนรุุ่นใหม่เริ่มเข้าใจแล้วว่ากำลังถูกพวกคุณหักหลัง ทุกสายตาของคนรุ่นต่อๆ ไป จะจับจ้องอยู่ที่พวกคุณ และหากพวกคุณยังทำให้พวกเราผิดหวังอีก เราจะไม่มีวันให้อภัยอีกต่อไป"

นอกจากนี้ เกรตต้าและเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ รวม 16 คน ได้ร่วมกันยื่นคำร้องทางกฎหมายอย่างเป็นทางการต่อสหประชาชาติ กล่าวหาว่า 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี บราซิล อาร์เจนติน่า และตุรกี ยังไม่มีมาตรการที่เพียงพอในการต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก

Greta Thunberg, left, is joined by other child petitioners to announce a complaint they will file before the United Nations Committee on the Rights of the Child to protest lack of government action on the climate crisis, Monday, Sept. 23, 2019

คำกล่าวของเกรตต้ามุ่งเป้าไปที่ผู้นำประเทศ ผู้นำรัฐบาลและภาคธุรกิจ และตัวแทนของประเทศต่างๆ หลายสิบคน ที่ต่างขึ้นพูดและรับปากว่าจะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อร่วมต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก

ขณะเดียวกัน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ แอนโตนิโอ กูเตียเรซ ได้กล่าวที่เวทีประชุมเดียวกันนี้ กระตุ้นให้บรรดาผู้นำโลกเร่งทำตามคำตกลงที่ให้ไว้ในสนธิสัญญากรุงปารีสเมื่อปี ค.ศ. 2015 ว่าด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก คือการลดก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกร้อน

นายกูเตียเรซ กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นความจำเป็นเร่งด่วน หากเรายังไม่ปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตที่คุกคามสิ่งแวดล้อม นั่นหมายความว่าเรากำลังสร้างความเสี่ยงร้ายแรงต่อทุกชีวิตบนโลก และว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาแห่งการพูดอีกต่อไป แต่ทุกประเทศต้องลงมือทำอย่างจริงจัง

SEE ALSO: จนท.ยูเอ็น เรียกร้ององค์การโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการถอนตัวจากสนธิสัญญากรุงปารีส และพยายามยกเลิกกฎหมายคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ มิได้มีกำหนดการเข้าร่วมในการประชุม UN Climate Action Summit แม้ว่าจะเดินทางมาร่วมประชุมที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เพื่อร่วมประชุมด้านการคุ้มครองเสรีภาพทางศาสนาที่จัดขึ้นในวันเดียวกัน

ดิฉันไม่สมควรอยู่ที่นี่ ฉันควรจะอยู่ในห้องเรียนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทร แต่พวกคุณกลับโยนความหวังมาให้กับพวกเราคนรุ่นใหม่ กล้าดียังไง!
เกรตต้า ธันเบิร์ก


แต่ถึงกระนั้น ผู้นำสหรัฐฯ ได้เข้าไปนั่งฟังการประชุมด้านสภาพภูมิอากาศด้วยเป็นเวลาราว 10 นาที หลังจากที่เกรตต้ากล่าวบนเวทีเสร็จสิ้นไปแล้ว

นักรณรงค์หญิงชาวสวีเดนได้มองตรงไปยัง ปธน.ทรัมป์ ช่วงหนึ่งหลังเดินออกจากการประชุม

เกรตต้า ธันเบิร์ก สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก ด้วยการเริ่มประท้วงหน้าอาคารรัฐสภาสวีเดนร่วมกับเพื่อนนักเรียน เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ต่อมา เธอและเพื่อนนักเรียนได้ประท้วงด้วยการหยุดเรียนอย่างต่อเนื่องทุกวันศุกร์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาสนใจกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกมากขึ้น ภายใต้การรณรงค์ที่เรียกว่า Fridays For The Future

กระแส #FridaysForFuture ถูกแชร์อย่างแพร่หลายทางอินเทอร์เน็ต ขณะที่การประท้วงหยุดเรียนในวันศุกร์ ถูกนำไปใช้ในหลายโรงเรียนทั่วโลก รวมทั้งในเยอรมนี เบลเยียม อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น

SEE ALSO: หนุ่มสาวทั่วโลกร่วมประท้วงสภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง

(ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียงรายงานจากสหประชาชาติ, VOA, Reuters และ Yahoo!)