ที่โกดังแห่งหนึ่งชานนครดูไบ ห่างไกลจากตึกสูงระฟ้าและชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่า เป็นสถานที่เก็บสิ่งของบริจาคของสหประชาชาติที่จะส่งไปให้กับคนยากจนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก คลังสินค้าด้านความช่วยเหลือฉุกเฉินขององค์กร UNHCR นี้เปิดใช้มาตั้งแต่ ปี ค.ศ 2006 แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าปีนี้เป็นปีที่คลังสินค้ามีจำนวนสูงที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปริมาณสินค้าที่คลังแห่งนี้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า โดยเมื่อปีที่แล้วมีการขนส่งสินค้าจากคลังที่ดูไบไปยังประเทศต่างๆ มากกว่า 36 ประเทศ เป็นจำนวนทั้งหมด 103 เที่ยว เพื่อใช้ในการบรรเทาทุกข์ทั้งภัยธรรมชาติและภัยจากน้ำมือมนุษย์ เพิ่มขึ้นจากจำนวน 22 เที่ยวเมื่อปี ค.ศ 2012 โดยประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือเหล่านี้มากที่สุดคือ ซีเรีย สาธารณรัฐอัฟริกากลาง และฟิลิปปินส์
คุณ Soliman Mohamed Daud เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ UNHCR บอกว่าคลังเก็บสินค้าเพื่อความช่วยเหลือฉุกเฉินชานนครดูไบมีปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการสินค้าจากที่นี่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก คุณ Daud ระบุว่าเมื่อปีที่แล้ว 30% ของสินค้าที่ไปจากคลังแห่งนี้ถูกส่งไปยังซีเรียและประเทศใกล้เคียง คิดเป็นสัดส่วน 20% ของความช่วยเหลือทั้งหมดจากทั่วโลกที่ส่งไปซีเรีย
ปัจจุบัน UNHCR มีคลังเก็บสินค้าเพื่อความช่วยเหลือฉุกเฉินทั้งหมด 7 แห่งกระจายอยู่ในหลายประเทศ แต่คลังที่ดูไบมีขนาดใหญ่ที่สุดและมีสินค้าเข้าออกมากที่สุด เนื่องจากเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญและยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งแห่งหนึ่งของโลก สินค้าเหล่านั้นมีมากมายหลายชนิดตั้งแต่เต๊นท์ ผ้าห่ม มุ้ง ไปจนถึงเครื่องทำครัวและยารักษาโรค
ถึงกระนั้น คุณ Mohammed Abu Asaker เจ้าหน้าที่ด้านการติดต่อสื่อสารของ UNHCR ชี้ว่าบางครั้งทางหน่วยงานก็ยังขาดแคลนสินค้าจำเป็นบางอย่างที่มีผู้บริจาคไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ UNHCR ผู้นี้บอกว่าเหตุการณ์ภัยพิบัติแต่ละครั้งก็มีความเดือดร้อนแตกต่างกันไป โดยสิ่งที่ขาดแคลนที่สุดที่ UNHCR เผชิญคือความช่วยเหลือด้านการเงิน ซึ่งสามารถนำไปใช้ซื้อสิ่งของที่จำเป็นสำหรับภัยพิบัตินั้นๆ อย่างเฉพาะเจาะจงได้
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ของ UNHCR ยังบอกด้วยว่า ต้องการเห็นคลังเก็บสินค้าเพื่อความช่วยเหลือที่นครดูไบ กลายเป็นคลังที่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ได้เป็นแห่งแรกในโลก นอกจากที่ดูไบแล้ว UNHCR ยังมีคลังสินค้าฉุกเฉินอยู่ที่เคนย่า แทนซาเนีย แคเมอรูน กาน่า เดนมาร์ก และจอร์แดน ซึ่งมีปริมาณความช่วยเหลือสำรองที่สามารถให้แก่ผู้ประสบภัยได้ราว 700,000 คนในทันที
รายงานจาก Phillip Walter Wellman / เรียบเรียงโดย Songphot Suphaphon
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ปริมาณสินค้าที่คลังแห่งนี้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า โดยเมื่อปีที่แล้วมีการขนส่งสินค้าจากคลังที่ดูไบไปยังประเทศต่างๆ มากกว่า 36 ประเทศ เป็นจำนวนทั้งหมด 103 เที่ยว เพื่อใช้ในการบรรเทาทุกข์ทั้งภัยธรรมชาติและภัยจากน้ำมือมนุษย์ เพิ่มขึ้นจากจำนวน 22 เที่ยวเมื่อปี ค.ศ 2012 โดยประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือเหล่านี้มากที่สุดคือ ซีเรีย สาธารณรัฐอัฟริกากลาง และฟิลิปปินส์
คุณ Soliman Mohamed Daud เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ UNHCR บอกว่าคลังเก็บสินค้าเพื่อความช่วยเหลือฉุกเฉินชานนครดูไบมีปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ามีความต้องการสินค้าจากที่นี่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก คุณ Daud ระบุว่าเมื่อปีที่แล้ว 30% ของสินค้าที่ไปจากคลังแห่งนี้ถูกส่งไปยังซีเรียและประเทศใกล้เคียง คิดเป็นสัดส่วน 20% ของความช่วยเหลือทั้งหมดจากทั่วโลกที่ส่งไปซีเรีย
ปัจจุบัน UNHCR มีคลังเก็บสินค้าเพื่อความช่วยเหลือฉุกเฉินทั้งหมด 7 แห่งกระจายอยู่ในหลายประเทศ แต่คลังที่ดูไบมีขนาดใหญ่ที่สุดและมีสินค้าเข้าออกมากที่สุด เนื่องจากเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญและยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งแห่งหนึ่งของโลก สินค้าเหล่านั้นมีมากมายหลายชนิดตั้งแต่เต๊นท์ ผ้าห่ม มุ้ง ไปจนถึงเครื่องทำครัวและยารักษาโรค
ถึงกระนั้น คุณ Mohammed Abu Asaker เจ้าหน้าที่ด้านการติดต่อสื่อสารของ UNHCR ชี้ว่าบางครั้งทางหน่วยงานก็ยังขาดแคลนสินค้าจำเป็นบางอย่างที่มีผู้บริจาคไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ UNHCR ผู้นี้บอกว่าเหตุการณ์ภัยพิบัติแต่ละครั้งก็มีความเดือดร้อนแตกต่างกันไป โดยสิ่งที่ขาดแคลนที่สุดที่ UNHCR เผชิญคือความช่วยเหลือด้านการเงิน ซึ่งสามารถนำไปใช้ซื้อสิ่งของที่จำเป็นสำหรับภัยพิบัตินั้นๆ อย่างเฉพาะเจาะจงได้
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ของ UNHCR ยังบอกด้วยว่า ต้องการเห็นคลังเก็บสินค้าเพื่อความช่วยเหลือที่นครดูไบ กลายเป็นคลังที่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ได้เป็นแห่งแรกในโลก นอกจากที่ดูไบแล้ว UNHCR ยังมีคลังสินค้าฉุกเฉินอยู่ที่เคนย่า แทนซาเนีย แคเมอรูน กาน่า เดนมาร์ก และจอร์แดน ซึ่งมีปริมาณความช่วยเหลือสำรองที่สามารถให้แก่ผู้ประสบภัยได้ราว 700,000 คนในทันที
รายงานจาก Phillip Walter Wellman / เรียบเรียงโดย Songphot Suphaphon