ทางการยูเครนออกมาแสดงความยินดีในวันพุธ หลังจากที่ผู้นำชาติตะวันตกต่างออกมาประกาศมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ทางยูเครนยังคงเรียกร้องให้มีมาตรการลงโทษที่รุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อยับยั้ง "การรุกรานอย่างก้าวร้าว" ของรัสเซีย
รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ดมิโทร คูเลบา กล่าวว่า มาตรการลงโทษขั้นแรกที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ถือเป็นสิ่งที่น่ายินดี และขณะนี้ถึงเวลาที่ต้องเพิ่มแรงกดดันที่ไปตัวประธานาธิบดีปูตินเพื่อให้ยุติความก้าวร้าว โดยมุ่งเป้าไปที่เครือข่ายทางเศรษฐกิจและคนใกล้ชิดของปูตินโดยตรง "อย่างหนักหน่วง ทันที"
เมื่อวันอังคาร ประเทศตะวันตกหลายประเทศ รวมทั้ง สหรัฐฯ แคนาดา สหภาพยุโรป อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ต่างประกาศมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซีย พร้อมทั้งยืนยันว่าอาจมีการลงโทษรุนแรงขึ้นในกรณีที่รัสเซียบุกรุกยูเครนอย่างเต็มกำลัง
Your browser doesn’t support HTML5
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งของยูเครน รวมทั้งของรัฐบาลกรุงเคียฟและกระทรวงการต่างประเทศ ใช้การไม่ได้ในวันพุธ โดยเชื่อว่าอาจเกิดจากการถูกลอบโจมตีทางไซเบอร์
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนเตือนว่าได้มีสัญญาณเตือนในโลกออนไลน์ว่า แฮกเกอร์อาจกำลังวางแผนโจมตีครั้งใหญ่ต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลยูเครน รวมทั้งของสถาบันการเงินและหน่วยงานด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งทางการยูเครนเชื่อว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลรัสเซีย แต่ทางรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
Your browser doesn’t support HTML5
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศในวันอังคารว่า สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจเพิ่มต่อธนาคารและผู้มีอำนาจทั้งหลายของรัสเซีย หลังมอสโกทำการรับรองสถานภาพรัฐอิสระของเขตปกครองทางตะวันออกของยูเครนและสั่งเคลื่อนกำลังพลเข้าพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่ ชาติตะวันตกทั้งหลายหวังว่า แรงกดดันที่ส่งไปยังมอสโกทั้งหมดจะช่วยหยุดยั้งเหตุรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในอนาคตได้
ปธน.ไบเดน ยังกล่าวด้วยว่า “ไม่มีใครจะโง่หลงเชื่อ” คำอ้างต่างๆ ของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับยูเครน และย้ำว่า สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการลงโทษอื่นๆ เพิ่มเติม หากผู้นำรัสเซียยังเดินหน้าทำการรุกคืบเข้าไปในยูเครนต่อ
ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตนได้สั่งเคลื่อนกำลังพลของสหรัฐฯ ไปยังพื้นที่ประเทศแถบทะเลบอลติกเพื่อร่วมกับกองกำลังของกลุ่มนาโต้ที่ตั้งขนาบพรมแดนทางตะวันออกซึ่งติดกับรัสเซียอยู่ ซึ่งรวมถึง ทหาร 800 คนจากฐานทัพในอิตาลี เครื่องบินรบ F-35 จำนวน 8 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 20 ลำ จากฐานทัพในเยอรมนี ส่วนทางแคนาดาส่งทหารอีก 460 คนไปสมทบที่แลตเวีย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงยืนยันว่า อาวุธที่เข้มแข็งที่สุดของสหรัฐฯ ในขณะนี้ คือมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจที่มุ่งเป้าไปยังผู้มีอำนาจในรัสเซีย แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างเชื่อว่า มาตรการลงโทษที่สหรัฐฯ ประกาศไปนั้นอาจไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนักต่อการตัดสินใจของรัสเซีย เนื่องจากยังไม่มีการมุ่งเป้าไปที่ตัวประธานาธิบดีปูตินโดยตรง
- ข้อมูลบางส่วนจากรอยเตอร์ เอพี แบะเอเอฟพี