สภาล่างสหรัฐฯ ผ่านร่างกม.ความปลอดภัยปืน-รอประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

The U.S. House of Representatives passes the "Bipartisan Safer Communities Act" gun safety, in Washington

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติในวันศุกร์ผ่านร่างกฎหมายความปลอดภัยปืนซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมกว้างขวางที่สุดเท่าที่สหรัฐฯ เคยมีในรอบ 3 ทศวรรษ ซึ่งถือเป็นชัยชนะสำคัญของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่น่าจะลงนามเพื่อให้กฎหมายใหม่นี้มีผลยังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

หลังจากสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติ 63-55 เพื่อผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติ 234-193 ในวันศุกร์ ที่มีผลให้ร่างกฎหมายที่พรรคเดโมแครตเป็นผู้นำเสนอจะได้ออกมาใช้งาน เพียง 1 วันหลังจากศาลสูงสหรัฐฯ เพิ่งมีคำพิพากษาขยายสิทธิ์การครอบครองอาวุธปืนให้กับประชาชนในประเทศไป

ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้เสียงสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสมาชิกสภาล่างสังกัดพรรคเดโมแครต และสมาชิกที่สังกัดพรรครีพับลิกันอีก 14 คน ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานด้านรักษากฎหมายหลัก ๆ ของประเทศด้วย

รอยเตอร์ระบุว่า การที่กฎหมายความปลอดภัยปืนนี้จะมีผลบังคับใช้ถือเป็นความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยต่ออุตสาหกรรมผลิตปืนในสหรัฐฯ และสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ (NRA) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้เงินสนับสนุนนักการเมืองในสหรัฐฯ อยู่

การควบคุมการใช้ปืนเป็นประเด็นที่สร้างความแตกแยกในสังคมอเมริกันพอควร โดยมีความพยายามที่จะยกระดับการควบคุมการจำหน่ายอาวุธปืนมาหลายครั้ง แต่ก็ต้องล้มเหลวมาตลอดจนถึงวันนี้

การผ่านร่างกฎหมายที่พรรคเดโมแครตเรียกว่า เป็นพัฒนาการที่ ‘พอประมาณ’ เป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุโศกนาฏรรมยิงกราดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว และที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส เมื่อเดือนที่แล้วเช่นกัน

SEE ALSO: เหตุฆาตกรรมหมู่ในโรงเรียน ตอกย้ำประวัติศาสตร์กรณียิงกราดในเท็กซัส

แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งระบุว่า ปืนนั้นคือ “นักฆ่าเด็กอเมริกัน” ตัวยง ยังกล่าวระหว่างการอภิปรายร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า “กฎหมายนี้ ที่มีขั้นตอนเข้มงวดหลายขั้นอันมีจุดประสงค์ที่จะช่วยชีวิต ไม่ได้จากเพียงเหตุยิงกราดอันน่าสยดสยองเท่านั้น แต่จากเหตุการณ์สังหารหมู่รายวันที่เกิดจากการใช้ปืน การฆ่าตัวตาย และอุบัติเหตุน่าเศร้าทั้งหลายด้วย”

รายงานข่าวระบุว่า เนื้อหาของกฎหมายนี้ ผู้ที่จะต้องการซื้อและเป็นเจ้าของอาวุธปืน จะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบประวัติ ที่รวมถึงการขอดูข้อมูลการก่ออาชญกรรมสำคัญ ๆ ของเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่จะทำได้ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ และกฎหมายใหม่นี้ยังห้ามไม่ให้จำหน่ายปืนแก่ผู้ที่เคยทำความผิดในข้อหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ทั้งยังให้งบประมาณก้อนใหม่แก่ทุกรัฐเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย “ธงแดง” (red flag) ที่มีจุดประสงค์เพื่อยึดอาวุธปืนจากผู้ที่อาจทำการอันเป็นอันตรายแก่ตัวเองและผู้อื่น

US-JUSTICE-GUNS-DEMONSTRATION

อย่างไรก็ดี พัฒนาการด้านนิติบัญญัตินี้อาจเป็นภาพที่ขัดแย้งกับคำพิพากษาของศาลสูงสหรัฐฯ ที่ตุลาการเสียงส่วนใหญ่ซึ่งเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมลงมติเห็นชอบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ให้ยกเลิกข้อจำกัดตามกฎของรัฐนิวยอร์กที่ห้ามไม่ให้ประชาชนแอบนำปืนพกติดตัวออกมาในที่สาธารณะ โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายดังกล่าวที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1913 นั้นละเมิดรัฐธรรมนูญ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับศาลสูงและสภาคองเกรสสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่วันนี้ แสดงให้เห็นถึง ความแตกแยกทางความคิดกรณีเกี่ยวกับอาวุธปืนในสหรัฐฯ

สมาคม NRA ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ธุรกิจปืนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศ เรียกคำพิพากษาของศาลว่า เป็น “ชัยชนะครั้งใหญ่” สำหรับเจ้าของปืนในอเมริกา แต่โจมตีมติของสภาคองเกรสว่า เป็นมาตรการควบคุมปืนแบบ“ไร้เหตุผล” ที่มีแต่ “จะลิดรอนสิทธิ์ของผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย”

ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (ซีดีซี) ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ระบุว่า อัตราการเสียชีวิตจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 35% ในปี ค.ศ. 2020 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 โดยกลุ่มที่เสียชีวิตมากที่สุดนั้นคือ ชายหนุ่มผิวสี

  • ที่มา: รอยเตอร์