ตุรกีเริ่มปฏิบัติการทางทหารทางเหนือของซีเรียเพื่อปราบปรามกลุ่มนักรบชาวเคิร์ดที่รัฐบาลตุรกีระบุว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย แต่ประเทศทางตะวันตกมองว่าเป็นพันธมิตรสำคัญในการต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม
กองทัพตุรกีเริ่มการโจมตีทางอากาศใส่ชาวเคิร์ดในวันพุธ หลังจากนั้นได้ส่งกำลังทหารภาคพื้นดินเข้าไปยังพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียติดกับพรมแดนตุรกี ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมตุรกี ซึ่งเชื่อว่าเป็นยุทธศาสตร์ทางทหารที่มีการวางแผนมานานแล้ว
ประธานาธิบดีตุรกี เรจิบ เทยิบ เออโดวาน ประกาศว่า ปฏิบัติการทางทหารที่มีชื่อว่า "Peace Spring" ได้เริ่มขึ้นแล้วในวันพุธ โดยมีเป้าหมายเพื่อกำจัดภัยคุกคามจากการก่อการร้ายให้ราบคาบ
อย่างไรก็ตาม โฆษกกองกำลัง Syrian Democratic Forces (SDF) ประกาศทางทวิตเตอร์ว่า ขณะนี้นักรบกลุ่ม SDF สามารถยันกองกำลังภาคพื้นดินของตุรกีเพื่อไม่ให้รุกคืบต่อไปได้
การโจมตีทางอากาศของตุรกีมุ่งเป้าไปที่เมืองราส อัล-อิน ในซีเรีย ซึ่งองค์กรสิทธิมนุษยชน Syrian Observatory for Human Rights ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน รวมทั้งประชาชนบริสุทธิ์ และมีผู้บาดเจ็บกว่า 40 คน
ปฎิบัติการทางทหารของตุรกีมีขึ้นหลังจากที่ทำเนียบขาวประกาศถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากพื้นที่ทางเหนือของซีเรียในวันจันทร์ หลังการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ กับประธานาธิบดีเออโดวาน ซึ่งสร้างความแปลกใจและเสียงวิจารณ์ต่อนโยบายต่างประเทศล่าสุดของผู้นำสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีทรัมป์มีคำแถลงในวันพุธว่า "สหรัฐฯ มิได้สนับสนุนการโจมตีโดยกองทัพตุรกีใส่กลุ่มชาวเคิร์ด และได้บอกตุรกีไปอย่างชัดเจนแล้วว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นความคิดที่ผิด แต่ทั้งนี้ไม่มีทหารอเมริกันอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด"
แต่บรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ต่างออกมาวิจารณ์ตำหนิการตัดสินใจของ ปธน.ทรัมป์ ที่ถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากซีเรียในครั้งนี้ว่าเป้นการทอดทิ้งชาวเคิร์ดผู้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารอเมริกันในสงครามกับกลุ่มไอซิส
ด้านโฆษกของกลุ่ม SDF กล่าวกับ VOA ว่า "เรื่องที่ยากจะทำใจยอมรับคือ เราร่วมมือกับกองทัพอเมริกันในการต่อสู้กับกลุ่มไอซิสมานาน 5 ปี แต่ความเป็นพันธมิตรนี้กลับสิ้นสุดลงในหนทางที่ไม่มีค่าใด ๆ เลย"