Your browser doesn’t support HTML5
ผู้นำประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 2 ประเทศ คือประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ตกลงสงบศึกทางการค้าชั่วคราว หลังจากพบหารือกันในการรับประทานอาหารค่ำระหว่างร่วมประชุมกลุ่ม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนติน่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบิน แอร์ ฟอร์ซ วัน ขณะเดินทางออกจากอาร์เจนติน่ากลับมายังสหรัฐฯ ว่าข้อตกลงระหว่างตนกับประธานาธิบดีสี ระหว่างการรับประทานอาหารค่ำในวันเสาร์นั้น ถือเป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น และจะเกิดผลดีมากมายต่อภาคการเกษตร อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในอเมริกา
SEE ALSO: ทรัมป์ให้ความหวังอาจตกลงกันได้กับจีนเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้า
ทางทำเนียบขาว ระบุว่า ภายใต้ข้อตกลงนี้ ปธน.ทรัมป์ จะใช้อัตราภาษีในระดับ 10% ต่อสินค้าจากจีนมูลค่ารวม 200,000 ล้านดอลลาร์ และจะไม่ขึ้นไปถึง 25% ดังที่เคยประกาศไว้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมนี้
ขณะเดียวกัน จีนตกลงจะซื้อสินค้าด้านการเกษตร พลังงาน อุตสาหกรรม และสินค้าอื่นๆ จากสหรัฐฯ เพื่อลดยอดขาดดุลการค้าที่สหรัฐฯ มีต่อจีน แต่ยังไม่มีการกำหนดมูลค่าที่แน่นอน โดยจะเริ่มต้นทันที
แถลงการณ์ทำเนียบขาว ระบุด้วยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี ยังได้ตกลงเริ่มการเจรจาต่อรองเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกฎเกณฑ์ทางการค้า โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องนโยบายบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี การคุกคามและการโจรกรรมทางไซเบอร์ ตลอดจนธุรกิจภาคบริการและการเกษตร
ทั้งสองกำหนดเวลาในการเจรจาประเด็นต่างๆ เหล่านี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน ซึ่งหากไม่สามารถตกลงได้ ก็จะมีการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าของแต่ละฝ่าย จาก 10% เป็น 25%
SEE ALSO: จีน-สหรัฐฯ อาจบรรลุข้อตกลงการค้านอกรอบเวที จี 20
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวง อี้ ยืนยันว่าทั้งสองประเทศจะเริ่มการเจรจาการค้าดังกล่าวจริง
เชื่อว่าข่าวนี้จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัวสูงขึ้นทันทีเมื่อเปิดตลาดในวันจันทร์ เนื่องจากที่ผ่านมาประเด็นความขัดแย้งของสหรัฐฯ และจีน ถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวสำหรับนักลงทุน
นอกจากเรื่องการค้าแล้ว ในการหารือระหว่างรับประทานอาหารค่ำที่กรุงบัวโนสไอเรสครั้งนี้ ประธานาธิบดีสียังได้รับปากว่าจะกำหนดให้สารเฟนทานิล (fentanyl) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยาแก้ปวดโอปิออยด์ที่กำลังระบาดในสหรัฐฯ เป็นสารที่ต้องควบคุมโดยหน่วยงานของจีน นั่นหมายความว่า ชาวจีนที่ขายสารเฟนทานิลให้กับสหรัฐฯ จะต้องถูกลงโทษขั้นสูงสุด
ทำเนียบขาวยกย่องการตัดสินใจของผู้นำจีนในเรื่องนี้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการแก้ปัญหาด้านมนุษยธรรม ขณะที่ ปธน.สี จิ้นผิง กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับจีน คือสิ่งเดียวที่จะช่วยสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองให้กับโลกนี้ได้
ก่อนหน้านี้ ผู้สังเกตการณ์การประชุม G-20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสต่างเกรงว่า หากไม่มีความคืบหน้าจากการเจรจาระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับ ปธน.สี สงครามการค้าระหว่างสองประเทศนี้อาจรุนแรงขึ้น เมื่อสหรัฐฯ เริ่มใช้อัตราภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ซึ่งจีนขู่ไว้ว่าจะตอบโต้ด้วยภาษีในอัตราที่เท่าเทียมกัน
คุณโรเบอร์โต้ บูร์ซาส ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย de San Addres กล่าวกับ VOA ว่า ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก 2 ประเทศนี้ บ่งชี้ว่า ยังขาดองค์กรระหว่างประเทศที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยทางการค้า นอกเหนือจากองค์การการค้าโลก (WTO)
สำหรับแถลงการณ์สรุปการประชุมครั้งนี้ บรรดาผู้นำกลุ่ม G-20 ต่างเรียกร้องให้มีการปฏิรูป WTO เพื่อปรับปรุงการทำงานขององค์กรแห่งนี้ โดยจะมีการตรวจสอบความคืบหน้าในการประชุมครั้งต่อไปในปีหน้าที่ประเทศญี่ปุ่น
(ผู้สื่อข่าว Steve Herman รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)