รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กดปุ่มเริ่มต้นสงครามการค้ากับจีนอย่างเป็นทางการ หลังขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 34,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อช่วงเที่ยงคืนของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่จีนก็โต้กลับอย่างสมน้ำสมเนื้อ
โฆษกรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน หู ชุน หัว แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า มาตรการตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐฯจะมีผลทันที ในสัดส่วนที่ทัดเทียมกัน โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลปักกิ่งได้เปิดเผยรายการสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ที่จีนจะปรับขึ้นภาษีขึ้นตอบโต้ ซึ่งรวมถึง ถั่ว รถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า และเหล่าวิสกี้ ในอัตราภาษีร้อยละ 25
ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกมาโจมตีรัฐบาลวอชิงตัน ว่ากำลังทำตัวเป็น "อันธพาลทางการค้า" ในการขึ้นกำแพงภาษีในสินค้าเทคโนโลยี ที่อาจสะเทือนเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวได้
ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย ที่ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังการเปิดฉากสงครามการค้าของสหรัฐฯ ที่จีนมีมาตรการตอบโต้ทันที โดยดัชนี Nikkei ปิดบวกร้อยละ 1.1 , ดัชนี Shanghai Composite ปิดบวกเช่นกันที่ร้อยละ 0.5, ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เช่นเดียวกับตลาดหุ้นฝั่งยุโรปที่เปิดบวกในการซื้อขายช่วงเช้า
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตากลศึกสงครามการค้าของทรัมป์ หลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางไปยังมอนทานา บอกว่า สหรัฐฯเตรียมขึ้นกำแพงภาษีกับสินค้าจีนเพิ่มอีก 16,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะมีผลบังคับใช้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเตรียมยกระดับความรุนแรงขึ้นไปอีก โดยบอกว่า สหรัฐฯ พร้อมจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าได้อีก 200,000 ล้านดอลลาร์ และอีก 300,000 ล้านดอลลาร์ในขั้นต่อไป หากจีนไม่ทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ และยังใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษีกับสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง
นั่นเท่ากับว่า สหรัฐฯพร้อมตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าจีนมูลค่าอีก 550,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ามูลค่าสินค้าที่จีนส่งออกไปสหรัฐฯเมื่อปีก่อน ที่ 506,000 ล้านดอลลาร์เสียอีก
ทั้งนี้ คณะทำงานของรัฐบาลทรัมป์ ได้อ้างว่าจีนใช้กลยุทธ์แบบนักล่า เพื่อชิงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีไปจากสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการโจรกรรมบนโลกไซเบอร์ และการบังคับใช้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับรัฐบาลจีน เพื่อแลกกับการเข้าถึงตลาดแดนมังกร