Your browser doesn’t support HTML5
การเสียชีวิตของผู้พิพากษาศาลสูง รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก เมื่อคืนวันศุกร์ นำมาซึ่งเสียงสะท้อนถึงการสูญเสียนักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี และการคาดเดาถึงอนาคตของศาลสูงที่จะต้องมีผู้มารับหน้าที่แทน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวชื่นชมผู้พิพากษากินส์เบิร์ก ว่าเป็นบุคคลที่น่าทึ่งผู้มีชีวิตอันน่าทึ่ง และเขาเสียใจต่อการจากไปของเธอ
ขณะที่โจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมเเครต ผู้แข่งขันชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้กล่าวว่าตุลาการกินส์เบิร์ก ทำงานตามอุดมการณ์สูงสุดของชาวอเมริกัน
Your browser doesn’t support HTML5
ทันทีที่บุคคลสำคัญกล่าวคำอาลัยต่อการจากไปของ รูธ กินส์เบิร์ก การเดินเกมส์เพื่อคัดสรรผู้รับตำแหน่งที่ว่างลงก็เกิดขึ้นทันที เพราะการเสนอชื่อเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ที่หากเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ผู้ที่เล่นบทนี้อาจไม่ใช่คนเดิม
หากพิจารณาถึงวาระของการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงที่เป็นได้จนสิ้นอายุขัย ผู้ที่จะได้รับตำแหน่งตุลาการคนต่อไป อาจมีผลต่อดุลยภาพระหว่างแนวคิดอนุรักษ์นิยมและเสรีนิยมในการตีความรัฐธรรมนูญ ยาวนานอีกหลายสิบปี
การเสียชีวิตของผู้พิพากษากินส์เบิร์ก ทำให้กลุ่มตุลาการแนวคิดเสรีนิยมในศาลสูง ขาดผู้นำคนสำคัญไปหนึ่งเสียง เหลือเพียง 3 เสียง ขณะที่ตุลาการแนวคิดอนุรักษ์นิยมมีอยู่ 5 เสียง
งานที่รออยู่ตรงหน้าของตุลาการศาลสูง คือการพิจารณาข้อกฎหมายในหลายประเด็นที่มีผลต่อชาวอเมริกัน ตั้งเรื่อง ประกันสุขภาพ คนต่างด้าว การครอบครองปืน และเสรีภาพทางศาสนา เป็นต้น
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยชื่อสตรี 3 คนที่อยู่ในโผ ที่เขาอาจเสนอชื่อให้รับตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งแต่ละคนเป็นนักกฎหมายที่คิดแบบอนุรักษ์นิยมทั้งสิ้น
สตรีคนแรกคือ ผู้พิพากษาศาลอุทรณ์ อัลลิสัน โจนส์ รัชชิ่ง (Allison Jones Rushing) วัย 38 ปี ถือว่าอายุน้อยที่สุดในตัวเลือกทั้ง 3 ที่ทรัมป์เปิดเผย
เมื่อปีที่แล้ว เธอได้รับการรับรองให้ทำหน้าที่ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลาง ด้วยเสียงสนับสนุนในวุฒิสภา 53 เสียงต่อ 44 ตามสัดส่วนส.ว.พรรครีพับลิกันที่คุมเสียงข้างมากและส.ว.เดโมเเครตที่เป็นเสียงข้างน้อย
นักการเมืองเดโมเเครตกังวลว่าผู้พิพากษารัชชิ่ง มีทัศนะไม่ส่งเสริมเกย์และเลสเบี้ยน ผู้ต่อต้านผู้พิพากษารัชชิ่ง กล่าวว่าเธอเคยฝึกงานที่องค์กร Alliance Defending Freedom ซึ่งเป็นหน่วยอนุรักษ์นิยมในรัฐแอริโซนา ที่ช่วยปกป้องสิทธิ์ของการปฏิเสธทำเค้กแต่งงานให้กับชาวเกย์ และในอีกคดีหนึ่งก็ช่วยปกป้องสิทธิ์ของบริษัทต่างๆให้สามารถตัดยาคุมกำเนิดในการเสนอประกันสุขภาพต่อลูกจ้าง โดยอ้างเหตุผลเรื่องความเชื่อทางศาสนาของเจ้าของกิจการ
และเมื่อ 5 ปีก่อน ที่ศาลสูงสหรัฐฯ วินิจฉัยให้คนเพศเดียวกันเเต่งงานกันได้ด้วยเสียง 5 ต่อ 4 ผู้พิพากษารัชชิ่งกล่าวว่าเธอสนับสนุนตุลาการเสียงส่วนน้อย
สตรีคนที่ 2 ในโผของทรัมป์คือ เอมี คอนีย์ แบร์เร็ต ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ วัย 48 ปี ที่เคยสอนวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัย Notre Dame ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาสายคาทอทิกที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่ง ของสหรัฐฯ
วุฒิสภาลงมติให้เธอรับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางเมื่อ 3 ปีก่อนด้วยเสียง 55-43
เอมี แบร์เร็ต เคยกล่าวกับนักศึกษาของเธอว่า อาชีพกฎหมายเป็นเพียงเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางในการสร้าง “อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า”
เธอเคยถูกตั้งคำถามจากวุฒิสมาชิก ไดเเอน ไฟน์สไตน์ ว่าความเชื่อทางศาสนาของเธอจะทำให้เธอทำงานในหน้าที่ผู้พิพากษาได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องเสรีภาพในการทำแท้ง
ในการตอบคำถามในช่วงการกลั่นกรองความเหมาะสม เอมี แบร์เร็ต กล่าวว่าเธอจะพิจารณากฎหมายตามคำวินิจฉัยของศาลสูงที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และว่าจะไม่ใช้ความเชื่อส่วนตัวในการพิจารณากฎหมาย
สตรีคนสุดท้ายคือ บาร์บารา ลาโกอ์ วัย 52 ปี ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้วด้วยคะเเนนระดับสูง คือ 80 ต่อ 15 ในวุฒิสภา เธอมีเชื้อสายคิวบา โดยพ่อและแม่ของเธอหนีออกจากคิวบาหลังฟิเดล คาสโตรขึ้นปกครองประเทศในปี ค.ศ. 1959
ผู้พิพากษาสตรีผู้นี้ เคยส่งสัญญาณว่าจะพิจารณากฎหมายตามที่ถูกเขียนขึ้น
ไม่ว่าใครจะถูกเสนอชื่อโดยประธานาธิบดีทรัมป์ เธอผู้นั้นจะเดินเข้าสูงศาลสูงสหรัฐฯ ขณะที่คนจำนวนมากยังไม่ลืมเจ้าของเก้าอี้ตุลาการที่เพิ่งสิ้นลม เพราะ ชื่อของรูธ กินส์เบิร์ก กลายเป็นตัวอย่างให้แก่บุคคลรุ่นหลัง ผ่านการทำงาน 27 ปี ของเธอบนบัลลังก์ผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯ
บริเจ็ตต์ เวค สตรีผู้ร่วมแสดงความอาลัยต่อการเสียชีวิตของผู้พิพากษากินส์เบิร์กกล่าวว่า ตุลากรผู้นี้ยืนหยัดเพื่อสตรี และใช้ผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน เป็นที่ตั้งในการทำงาน สิ่งนี้ทำให้เธอเคารพในตัวตุลาการผู้นี้อย่างยิ่ง