ทรัมป์หวังปลดล็อคธุรกิจใน 3 สัปดาห์ - แพทย์เตือนไม่คุ้มเสี่ยง!

President Donald Trump speaks about the coronavirus in the James Brady Briefing Room, Monday, March 23, 2020, in Washington. (AP Photo/Alex Brandon)

Your browser doesn’t support HTML5

Trump Covid


ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกมีกว่า 4 แสนคน โดยมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 18,500 คน และสหรัฐเองก็มียอดผู้ติดเชื้อกว่า 5 หมื่นคน หรือกว่า 10% ของผู้ติดเชื้อทั่วโลก และเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 660 คนนั้น องค์การอนามัยโลกได้เตือนว่า สหรัฐอาจเป็นศูนย์กลางสำหรับการระบาดแห่งใหม่ของโลกได้

แต่เมื่อเช้าวันอังคาร ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตว่า คนอเมริกันต้องการกลับไปทำงานโดยยังคงมีมาตรการอยู่ห่างทางสังคมในบางพื้นที่ และผู้สูงอายุจะได้รับการปกป้องคุ้มครอง

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังลงท้ายข้อความทวีตด้วยว่า การรักษาไม่ควรจะเลวร้ายมากไปกว่าตัวปัญหา

ท่าทีของผู้นำสหรัฐเรื่องนี้สะท้อนแนวคิดที่ต้องการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการติดต่อสัมผัสระหว่างบุคคล โดยเมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวว่า ประเทศของเราไม่เหมาะสำหรับการ shut down หรือการที่กิจกรรมแทบทุกอย่างต้องถูกจำกัดหรือหยุดชะงักลง โดยประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้ผ่อนคลายหรือยกเลิกมาตรการอยู่ห่างทางสังคมนี้ภายในวันอีสเตอร์ คือวันที่ 12 เมษายน

ผู้นำสหรัฐอ้างว่า ผู้ที่อาจเสียชีวิตจากวิกฤติทางเศรษฐกิจซึ่งดำเนินไปอย่างยืดเยื้อนั้นจะมีมากกว่าผู้เสียชีวิตจากไวรัส และว่าสังคมอเมริกันจะกลับมาเปิดกว้างสำหรับธุรกิจต่าง ๆ ได้อีกครั้งในไม่ช้า เพราะเวลาสามถึงสี่เดือนของการจำกัดกิจกรรมทางสังคมนั้นยาวนานมากไป แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเคยเตือนว่าต้องใช้

โดยประธานาธิบดีสหรัฐให้ความเห็นว่า หากปล่อยให้นักวิทยาศาสตร์หรือแพทย์ตัดสินใจเรื่องนี้เอง คนเหล่านั้นก็คงต้องการปิดโลกทั้งโลกอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของผู้นำสหรัฐที่ต้องการรีบเปิดสังคมอเมริกันให้กลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเคยนี้ ขัดกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายคนที่เตือนว่า การยกเลิกมาตรการจำกัดควบคุมทางสังคมเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนั้นไม่สามารถไปด้วยกันได้

อย่างเช่น น.พ. โรเบิร์ต เมอร์ฟี ผู้อำนวยการบริหารของสถาบันสุขภาพระดับโลก ของมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น กล่าวว่า ตนรู้สึกตกตะลึงกับแนวคิดแบบนี้ และหวังว่าจะไม่มีการผ่อนคลายเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อเห็นแก่เรื่องเศรษฐกิจเร็วเกินไป

และว่า หากมีการทำเช่นนั้นจริง เรื่องนี้ก็จะเป็นวิธีที่น่าเศร้าเพื่อทดสอบทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วิน ที่เรียกกันว่า Survival of the Fittest ซึ่งกล่าวว่าวิวัฒนาการต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้มาจากกระบวนการเลือกสรรของธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพแวดล้อมจะสามารถอยู่รอดและมีพัฒนาการต่อไปได้

นอกจากการท้วงติงของนักวิทยาศาสตร์แล้ว ส.ส. ลิซ เชนนี่ สมาชิกคนหนึ่งของพรรครีพับลิกัน ก็แสดงความไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เช่นกัน โดยส.ส. ลิซ เชนนี่ ทวีตว่า เศรษฐกิจของประเทศจะไม่สามารถดำเนินไปตามปกติได้ ถ้าโรงพยาบาลของเราเต็มไปด้วยคนป่วยที่รวมทั้งหมอและพยาบาล จากการที่เราล้มเหลวในการทำเรื่องที่จำเป็นต้องทำเพื่อหยุดยั้งไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ส.ส. ลิซ เชนนี่ ของพรรครีพับลิกันจากรัฐไวโอมิง อาจเป็นเพียงหนึ่งในเสียงส่วนน้อย เพราะผลการสำรวจหลายครั้งได้แสดงว่า โดยทั่วไปแล้วสมาชิกพรรครีพับลิกันให้ความสำคัญกับภัยคุกคามด้านสุขภาพจากไวรัสโควิด-19 น้อยกว่าสมาชิกของพรรคเดโมแครต

และสมาชิกพรรครีพับลิกันเองเชื่อด้วยว่า สื่อมวลชนกำลังรายงานเรื่องนี้ให้น่าตื่นเต้นเกินเลยความจริง