Your browser doesn’t support HTML5
ส.ส.พรรคเดโมแครตต้องการให้มีการตรวจสอบเรื่องการใช้เงินภาษีของประชาชนอเมริกันในการจ่ายค่าที่พักสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่โรงแรมและธุรกิจในเครือของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
ประเด็นเรื่องการให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าพักโรงแรมและธุรกิจในเครือของทรัมป์ ถูกพูดถึงอีกครั้งเมื่อรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ เข้าพักที่โรงแรมในเครือของทรัมป์ ขณะเดินทางเยือนไอร์แลนด์
คณะกรรมาธิการด้านยุติธรรม ด้านการควบคุมดูแล และด้านการปฏิรูปรัฐบาลของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า กำลังตรวจสอบเรื่องการใช้เงินภาษีโดยรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ดังกล่าวว่าขัดกับรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ หรือไม่ และถ้าพบว่าเป็นการใช้เงินภาษีประชาชนในทางที่ผิดก็อาจจะยื่นญัตติเสนอให้มีการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ในรัฐสภาได้
การยื่นเรื่องเพื่อขอให้มีการตรวจสอบครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งเสนอให้ใช้สนามกอล์ฟของตนที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา เป็นสถานที่จัดการประชุม G-7 ในปีหน้าซึ่งสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพ โดยทางเดโมแครตกล่าวหาว่าเรื่องนี้อาจเป็นการละเมิดกฎหมายของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนกรกฎาคม ศาลอุทธรณ์ภาคสี่ของสหรัฐฯ ในรัฐเวอร์จิเนีย มีคำวินิจฉัยสั่งให้ศาลชั้นต้นยกคำฟ้องที่อัยการสูงสุดของรัฐแมรี่แลนด์กับกรุงวอชิงตันได้ยื่นฟ้องต่อศาลชั้นต้นเมื่อสองปีที่แล้ว กล่าวหาประธานาธิบดีทรัมป์ว่าละเมิดบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ห้ามการได้ผลประโยชน์และค่าตอบแทนพิเศษระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ
โดยก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ผลประโยชน์และค่าตอบแทนโดยมิชอบจากโรงแรม Trump International Hotel ในกรุงวอชิงตันใกล้ทำเนียบขาว ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน