ทีมทนายของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าเสนอหลักฐานสู้คดีถอดถอนอดีตผู้นำประเทศ ในการไต่สวนต่อหน้าสมาชิกวุฒิสภา หลังยืนยันความต้องการที่จะใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้นนำเสนอข้อมูลฝ่ายตน
กระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนอดีตประธานาธิบดี เดินหน้าต่อเนื่องมาถึงวันศุกร์ ซึ่งทีมทนายของอดีตปธน.ทรัมป์ มีกำหนดนำเสนอหลักฐานหักล้างข้อกล่าวหาต่างๆ โดยตัวอดีตผู้นำสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในการนี้ด้วย
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตนำเสนอข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะคำพูดของอดีตปธน.ทรัมป์ ที่กล่าวออกมาในระหว่างการขึ้นเวทีผู้ชุมนุมในวันที่ 6 มกราคม ซึ่งถูกเน้นย้ำว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนบุกเข้ายึดอาคารรัฐสภา ในระหว่างที่วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังดำเนินกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอยู่
และเมื่อวันพฤหัสบดีนี้เอง วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน ทั้งหมด 3 ราย ได้แก่ ลินด์ซีย์ แกรห์ม จากรัฐเซาท์แคโรไลนา เท็ด ครูซ จากรัฐเท็กซัส และ ไมค์ ลี จากรัฐยูทาห์ ซึ่งมีหน้าที่เป็นสมาชิกคณะลูกขุนในการไต่สวนคดีนี้ ได้ร่วมประชุมกับทีมทนายของอดีตปธน.ทรัมป์ ซึ่งรายงานข่าวชี้ว่า เป็นสิ่งที่ดูไม่ปกตินัก
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เดวิด โชน หนึ่งในทนายความของทรัมป์ กล่าวว่า วุฒิสมาชิกทั้งสามนั้นต้องการเพียงแต่จะทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า ทีมทนายคุ้นเคยกับกระบวนการต่างๆ ก่อนเข้าร่วมการไต่สวนในวันศุกร์เท่านั้นเอง
มีรายงานข่าวว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ ไม่ค่อยพอใจกับผลงานของทนายชุดปัจจุบัน ที่เข้ามารับหน้าที่หลังจากทีมทนายชุดแรกขอลาออกก่อนการไต่ส่วนจะเริ่มขึ้น
ทั้งนี้ อัยการที่รับหน้าที่ยื่นเรื่องถอดถอนนั้น กล่าวต่อสมาชิกวุฒิสภาในวันพฤหัสบดีว่า มีหลักฐานที่ “ชัดแจ้งและมีอยู่มากมาย” ซึ่งบ่งชี้ว่า อดีตปธน.ทรัมป์ เป็นผู้ปลุกระดมการก่อการจลาจลโดยส่งกลุ่มผู้สนับสนุนของตนเข้าไปในอาคารรัฐสภาเพื่อเผชิญหน้ากับสมาชิกรัฐสภา ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่รับรองผลการเลือกตั้งที่ชี้ว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ เป็นผู้พ่ายแพ่ต่อประธานาธิบดี โจ ไบเดน
นอกจากนั้น ส.ส.เจมี่ แรสกิน จากรัฐแมรีแลนด์ ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าทีมยื่นเรื่องถอดถอน กล่าวในการแถลงปิดว่า วุฒิสมาชิกทั้ง 100 คนที่ทำหน้าที่เป็นลูกขุนในคดีนี้ ควรใช้ “สามัญสำนึกพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น” พร้อมย้ำว่า อดีตปธน.ทรัมป์ “นิ่งเฉยเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง” และไม่ทำอะไรให้สถานการณ์ยุติ หลังเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของตนออกร่วมเดินขบวน ก่อนที่คนเหล่านั้นจะบุกเข้ามาในอาคาร ทุบกระจกหน้าต่าง เข้าไปรื้อค้นสิ่งของในห้องที่ทำงานต่างๆ และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงด้วยการเสียชีวิตของคน 5 คน ที่รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอาคารรัฐสภา 1 รายด้วย
ส.ส.แรสกินและสมาชิกทีมถอดถอนอีก 8 คนซึ่งเป็นสมาชิกสภาล่างสังกัดพรรคเดโมแครตทั้งหมด ใช้เวลาราว 12 ชั่วโมงตลอดช่วง 2 วันที่ผ่านมา ในการนำเสนอข้อมูลและหลักฐานเพื่อเอาผิดอดีตปธน.ทรัมป์ โดยประกอบไปด้วย โพสต์ทวิตเตอร์ของอดีตผู้นำหลายสิบชิ้นที่มีออกมาก่อนการเลือกตั้ง และย้ำว่า หากตนจะพ่ายแพ้ต่อ อดีตรองปธน.ไบเดน เหตุผลเดียวก็คือมีการทุจริตการเลือกตั้ง รวมทั้งวิดีโอคลิปที่แสดงให้เห็นภาพผู้ก่อจลาจลบุกเข้ามาในพื้นที่อาคารรัฐสภา และมีบางตอนที่มีเสียงตะโกนว่าให้ “จับ(อดีตรองปธน.ไมค์) เพนซ์ แขวนขอซะ” ด้วย ขณะที่ผู้ก่อเหตุบางรายบุกเข้าไปในห้องที่ทำงานของประธานสภาล่าง แนนซี่ เพโลซี่ เพื่อหวังจะสังหารเธอเสีย
แต่ทีมทนายความของอดีตปธน.ทรัมป์ แย้งว่า วาทะของอดีตผู้นำสหรัฐฯ บนเวทีผู้ชุมนุมในเช้าวันที่ 6 มกราคม ซึ่งมีคำพูดที่ว่า “Fight like Hell” (ให้สู้จนกว่าจะหาไม่) เป็นเพียงวาทะทางการเมือง ที่พึงกระทำได้ภายใต้บทบัญญัติของบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ฉบับที่ 1 เกี่ยวกับเสรีภาพในการพูดเท่านั้น
และแม้สมาชิกทีมถอดถอนอดีตปธน.ทรัมป์ จะนำเสนอข้อมูลและหลักฐานต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า อดีตผู้นำสหรัฐฯ มีความผิดฐานเกี่ยวข้องกับเหตุจลาจลไปแล้ว รายงานข่าวชี้ว่า ยังไม่มีเหตุบ่งชี้ชัดเจนว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนทรัมป์นั้น จะตัดสินใจหันหลังและเข้าร่วมลงคะแนนเพื่อเอาผิดเขาหรือไม่ ทำให้เชื่อกันว่า คดีนี้จะจบลงด้วยมติว่า อดีตปธน.ทรัมป์ ไม่มีความผิด
ทั้งนี้ การที่จะลงมติชี้ว่าอดีตผู้นำสหรัฐฯ มีความผิดจริง จะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา อันประกอบด้วยสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครตจำนวน 50 คนและต้องการเสียงจากสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันอย่างน้อยอีก 17 คน เพื่อถอดถอนทรัมป์ แต่ในเวลานี้ มีสมาชิกพรรครีพับลิกันเพียงไม่กี่รายที่แสดงเจตน์จำนงค์ว่าจะลงคะแนนเอาผิดอดีตผู้นำสหรัฐฯ ได้