Your browser doesn’t support HTML5
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวหลังโดนตำหนิเรื่องท่าทีของเขาที่การประชุมสุดยอดกับผู้นำรัสเซียว่า อันที่จริงแล้วตนยอมรับข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองอเมริกันที่ว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯเมื่อ 2 ปีก่อน
การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ทำเนียบขาววันอังคาร หนึ่งวันหลังการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูตินที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินเเลนด์เป็นเวลา 4 ชั่วโมง
ในงานแถลงข่าวที่เกิดขึ้นหลังการเจรจา โดนัลด์ ทรัมป์แสดงท่าทียอมรับข้อมูลของผู้นำรัสเซียที่ได้ปฏิเสธว่ารัฐบาลมอสโควไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ
ตลอดวันจันทร์ หลังงานแถลงข่าว ประธานาธิบดีทรัมป์โดนวิจารณ์อย่างรุนแรงจากนักการเมืองทั้งฝ่ายเดโมเเครตและรีพับลิกัน ว่าเข้าข้างรัสเซียแทนที่จะแสดงความหนักแน่นเคียงข้างฝ่ายข่าวกรองสหรัฐฯ
นอกจากนี้สื่ออเมริกันต่างตำหนิโดนัลด์ ทรัมป์ ในหลากหลายมุมมอง ตั้งแต่เรื่องไม่แสดงความเป็นผู้นำที่เข้มเเข็งในบทบรรณาธิการของ Wall Street Journal ไปจนถึงข้อกล่าวหาทรยศต่อชาติโดยคอลัมนิสต์ของ New York Times
ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์เผชิญกับกระเเสต่อต้านการวางตัวของเขาที่การประชุมสุดยอดกับรัสเซียอย่างแทบตั้งตัวไม่ติด
ในที่สุด ประธานาธิบดีทรัมป์ ยอมรับในวันอังคารว่า ตนพูดผิดที่งานแถลงข่าว ณ กรุงเฮลซิงกิเมื่อวานนี้
เขาบอกว่าในประโยคที่ตั้งใจจะยืนยันว่า "ไม่น่ามีเหตุผลที่จะทำให้เชื่อว่ารัสเซียไม่ได้เป็นผู้เเทรกแซง" การเมืองอเมริกัน เขากลับสื่อไปในทางตรงข้าม
สรุปว่าตอนนี้โดนัลด์ ทรัมป์ขอแสดงความกระจ่างว่า เขาคิดว่ารัสเซียเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอเมริกันจริง
ผู้นำสหรัฐฯ พูดต่อด้วยว่าสื่อตีความคำพูดเขาไม่ถูกต้อง
ประธานรัฐสภาสหรัฐฯ สส. พอล ไรอัน กล่าวว่า ขอให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเเจ้งด้วยว่ารัสเซียแทรกแซงการเมืองอเมริกัน และสภาได้ผ่านมาตรการลงโทษไปแล้วเพื่อเอาผิดต่อรัสเซีย
หลายคนที่ย้อนกลับไปฟังคำพูดของโดนัลด์ ทรัมป์ที่งานแถลงข่าวร่วมกับวลาดิเมียร์ ปูตินเมื่อวานนี้จะพบว่า ในถ้อยคำดังกล่าว ผู้นำสหรัฐฯ บอกว่า"ประธานาธิบดีปูตินปฏิเสธอย่างหนักแน่นและมีพลังอย่างที่สุด" และทรัมป์ พูดต่อว่า "ประธานาธิบดีปูตินบอกว่ารัสเซียไม่ใช่ผู้แทรกแซง และผมไม่เห็นว่ามีเหตุผลที่จะเชื่อว่าจะเป็นรัสเซีย"
ถ้อยความนี้จุดชนวนให้เกิดคำตำหนิจากหลายฝ่าย เช่น วุฒิสมาชิก ชัค ชูเมอร์จากเดโมเเครต ที่บอกว่ารู้สึกอับอายที่เห็นประธานาธิบดีสหรัฐฯแทบจะก้มกอดขาปูติน และ วุฒิสมาชิกมิทช์ เเม็คคอนเนลล์ จากรีพับลิกันที่บอกว่ารัสเซียไม่ใช่เพื่อนของสหรัฐฯ และตนขอยำ้ในความเชื่อถือที่มีต่อข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม สว. แรนด์ พอลจากพรรครีพับลิกันกล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตรวจสอบเป็นเวลาปีครึ่ง ในการสืบสวนที่มีความโอนเอียงทางการเมือง และเเสดงความเห็นใจทรัมป์ด้วย
นักการเมืองเดโมเเครตต่างมีข้อเรียกร้องหลายประการ เช่น ต้องการให้เกิดการไต่สวนท่าทีของทรัมป์ผ่านสภา ไปจนถึงการยกระดับมาตรการลงโทษรัสเซีย
นอกจากนี้ สว. คริส เมอร์ฟีแห่งพรรคเดโมเเครตเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯลาออกจากตำแหน่งเพื่อประท้วงโดนัลด์ ทรัมป์อีกด้วย