อัยการสูงสุดรัฐแมรี่แลนด์และกรุงวอชิงตันยื่นฟ้อง ปธน.'ทรัมป์' ละเมิดรัฐธรรมนูญรับผลประโยชน์ทับซ้อน

President Donald Trump, his longtime bodyguard Keith Schiller, left, and two Secret Service agents walk along the South Lawn of the White House in Washington, June 12, 2017.

บทบัญญัติเรื่องค่าตอบแทนกำหนดห้ามผู้นำสหรัฐฯ รับค่าตอบแทนอื่นใดนอกจากในตำแหน่งประธานาธิบดี

Your browser doesn’t support HTML5

MD และ DC ยื่นฟ้องประธานาธิบดีทรัมป์

เมื่อวันจันทร์ อัยการสูงสุดของรัฐแมรี่แลนด์และกรุงวอชิงตัน ยื่นฟ้องประธานาธิบดีทรัมป์โดยกล่าวหาว่าละเมิดบทบัญญัติชื่อ emoluments clauses ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ห้ามเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ รับค่าตอบแทนจากธุรกิจใดๆ โดยเฉพาะจากต่างประเทศ

รวมทั้งยังห้ามผู้นำของสหรัฐฯ รับค่าตอบแทนอื่นใดนอกเหนือจากค่าตอบแทนในตำแหน่งประธานาธิบดีเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตฉ้อฉล

WATCH: DC attorney general on lawsuit against Trump

Your browser doesn’t support HTML5

D.C. Attorney General: Trump is ‘Flagrantly Violating the Constitution’

โดยอัยการของรัฐแมรี่แลนด์และของกรุงวอชิงตัน ได้หยิบยกกรณีของโรงแรม Trump International Hotel ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเพิ่งเปิดกิจการปลายปีที่แล้ว และเป็นโรงแรมซึ่งคณะผู้แทนจากต่างชาติ อย่างเช่นจากซาอุดิอาระเบีย นิยมเข้าพัก

โรงแรมดังกล่าวว่าทำให้เกิดคำถามว่า ตัวแทนของรัฐบาลต่างชาติเหล่านี้พยายามสร้างความนิยมชื่นชอบกับประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อให้มีผลต่อการตัดสินใจด้านนโยบายหรือไม่

และอัยการสูงสุดของรัฐแมรี่แลนด์ได้ชี้ว่า ชาวอเมริกันไม่เคยต้องตั้งคำถามมาก่อนว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นมีขึ้นเพื่อประเทศชาติหรือเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเอง

WATCH: Maryland attorney general on Trump lawsuit

Your browser doesn’t support HTML5

Maryland Attorney General: Case is About ‘Honest Government’

อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายของประธานาธิบดีทรัมป์ได้อ้างว่า โรงแรม Trump International Hotel ซึ่งเป็นธุรกิจของประธานาธิบดีทรัมป์นั้น ไม่ได้รับของขวัญจากต่างชาติ และเพียงแต่รับค่าตอบแทนจากบริการของตนเท่านั้นเอง

ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีการทดสอบบทบัญญัติดังกล่าวในรัฐธรรมนูญมาก่อน แต่นักกฎหมายชี้ว่าคำฟ้องร่วมของอัยการสูงสุดของรัฐแมรี่แลนด์และกรุงวอชิงตัน มีน้ำหนักทางกฎหมาย

และอาจต้องขึ้นถึงการวินิจฉัยของศาลสูงสุดสหรัฐฯ เพื่อการชี้ขาดในที่สุด