Your browser doesn’t support HTML5
หลังจากที่นาย James Comey อดีตผู้อำนวยการ FBI แถลงให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าตนได้รับคำขอจากประธานาธิบดีทรัมป์ให้แสดงความจงรักภักดี
และประธานาธิบดีทรัมป์ขอให้ FBI ยุติการสอบสวนกรณีบทบาทของพล.ท. Michael Flynn อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่คนสนิทของประธานาธิบดีทรัมป์ กับความเกี่ยวพันกับรัสเซียนั้น
เมื่อวันศุกร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โจมตีนาย James Comey ว่าเป็นผู้ปล่อยข่าวให้รั่ว และกล่าวโต้ว่าไม่มีการสมรู้ร่วมคิดหรือความพยายามขัดขวางกระบวนการยุติธรรมใดๆ ทั้งสิ้น
รวมทั้งปฏิเสธเรื่องที่ตนขอให้ FBI ยุติการสอบสวนกรณีของ พล.ท. Michael Flynn ด้วย
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่า ตนเต็มใจ 100% ที่จะให้การเรื่องนี้ใต้คำสาบานเช่นกัน และว่าสื่อมวลชนจะต้องผิดหวังเมื่อได้ฟังคำตอบว่ามีการบันทึกเทปสนทนาระหว่างตนกับนาย James Comey ที่ทำเนียบขาวตามที่ตนได้เคยกล่าวถึงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายบางคนเช่นอาจารย์ Paul Schiff Berman จากมหาวิทยาลัย George Washington ชี้ว่า ถ้าคำกล่าวของนาย James Comey เป็นความจริง ผู้นำสหรัฐฯ อาจเข้าข่ายความผิดฐานพยายามขัดขวางกระบวนการยุติธรรมได้
แต่สมาชิกบางคนและผู้นำของพรรครีพับริกัน เช่น ส.ส. Paul Ryan ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ออกมาแก้ต่างให้โดยอ้างว่าประธานาธิบดีทรัมป์ยังใหม่ต่อเรื่องนี้ และเรื่องการบริหารงานภาครัฐอยู่
รวมทั้งยังไม่คุ้นเคยเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอนที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กับหน่วยงาน FBI และทำเนียบขาว
แต่วุฒิสมาชิก Chris Van Hollen ของพรรคเดโมแครต กลับชี้ว่า ในสหรัฐฯ นั้นมีการแบ่งแยกและปกป้องการทำงานระหว่างหน่วยงานรักษากฎหมาย กับการก้าวก่ายแทรกแซงทางการเมืองอยู่แล้ว
และสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทำไปนั้น ถือได้ว่าเป็นการก้าวล้ำเส้นและละเมิดหลักการในเรื่องดังกล่าว