'ทรัมป์' เดือด! กรณีอดีตที่ปรึกษายุทธศาสตร์เปิดโปงข้อมูลในหนังสือเล่มใหม่

President Donald Trump, left, and former White House Chief Strategist Steve Bannon.

Your browser doesn’t support HTML5

'ทรัมป์' เดือด! กรณีอดีตที่ปรึกษายุทธศาสตร์เปิดโปงข้อมูลในหนังสือเล่มใหม่

ทนายความของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหาทางยับยั้งการเผยแพร่หนังสือเล่มใหม่ที่จะตีพิมพ์ในสัปดาห์หน้า ซึ่งพูดถึงความวุ่นวายในการทำงานปีแรกของ ปธน.ทรัมป์ โดยมีการอ้างคำพูดของนายสตีฟ แบนนอน อดีตที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์คนสำคัญของ ปธน.ทรัมป์

ทนายความของทรัมป์ระบุว่า หนังสือดังกล่าวมีเนื้อหาที่เข้าข่ายใส่ร้ายและหมิ่นประมาท

นายชาร์ลส ฮาร์เดอร์ (Charles Harder) ทนายความของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งจดหมายไปยังนายไมเคิล โวลฟ์ (Michael Wolff) ผู้เขียน และบริษัท เฮนรี โฮลท์ แอนด์ โค (Henry Holt and Co.) ผู้จัดพิมพ์หนังสือ Fire and Fury: Inside the Trump White House ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ เพื่อให้ระงับแผนการตีพิมพ์หนังสือดังกล่าวในสัปดาห์หน้า

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมบทสัมภาษณ์ผู้คนกว่า 200 คน ระหว่างช่วงที่ทรัมป์กำลังหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และหลังจากที่เขาชนะเลือกตั้งได้เข้าไปนั่งในทำเนียบขาวแล้ว

บางส่วนของหนังสือเล่นนี้ถูกเปิดเผยเมื่อวานนี้ รวมทั้งส่วนที่มีการอ้างคำพูดของนายสตีฟ แบนนอน (Steve Bannon) อดีตหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์และที่ปรึกษาคนสำคัญของ ปธน.ทรัมป์ ซึ่งกล่าวถึงประธานาธิบดีทรัมป์และครอบครัวในแง่ลบ

U.S. President Donald Trump (L-R), is joined by Chief of Staff Reince Priebus, Vice President Mike Pence, senior advisor Steve Bannon, Communications Director Sean Spicer and National Security Advisor Michael Flynn.

ทนายความฮาร์เดอร์ บอกว่า ตนกำลังตรวจสอบเนื้อหาในหนังสือดังกล่าว โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และครอบครัว และได้ส่งจดหมายไปยังนายแบนนอนให้หยุดใส่ร้ายป้ายสี ปธน.ทรัมป์ และครอบครัวด้วย

หนึ่งในคำพูดของนายแบนนอนในหนังสือเล่มนี้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด คือส่วนที่เขากล่าวแสดงความรู้สึกว่า การที่บุตรชายและบุตรเขย รวมทั้งผู้จัดการคณะหาเสียงของทรัมป์ คือนายพอล แมนนาฟอร์ต (Paul Manafort) พบปะกับเจ้าหน้าที่ของรัสเซียที่อาคาร Trump Tower ในนิวยอร์ก ในช่วงที่การหาเสียงเลือกตั้งกำลังเข้มข้นนั้น เป็นการ “ขายชาติ” และ “ทรยศต่อประเทศ”

โดยทางรัสเซียได้รับปากกับ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะให้เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของคู่แข่งของทรัมป์ในขณะนั้น คือนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อที่จะช่วยให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง

นายแบนนอนยังบอกด้วยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ จะไม่สามารถแบกรับความกดดันได้ จากการถูกสอบสวนเรื่องความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย

หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อความที่ตัดทอนมาจากหนังสือดังกล่าวเมื่อวานนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ปธน.ทรัมป์ ได้มีคำแถลงว่า “สตีฟ แบนนอน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตน และเมื่อเขาถูกไล่ออก เขาไม่เพียงแต่สูญเสียตำแหน่งเท่านั้น แต่ยังเสียสติไปแล้วด้วย”

ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า “ตอนที่ทำงานในทำเนียบขาว แบนนอนทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ทั้งยังปล่อยข้อมูลผิดๆ ให้สื่อมวลชน เพื่อทำให้ดูเหมือนว่าตนเองมีความสำคัญ”

หลังจากออกจากทำเนียบขาว นายแบนนอนได้ทำงานสนับสนุน ปธน.ทรัมป์ อยู่ห่างๆ โดยเมื่อคืนวานนี้ นายแบนนอนยังได้กล่าวถึง ปธน.ทรัมป์ ว่าเป็น “คนดี” และว่าตนยังสนับสนุนผู้นำสหรัฐฯ ตลอดเวลา

ด้านโฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ ฮัคเคอร์บี แซนเดอร์ส (Sarah Huckabee Sanders) กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ โกรธเกรี้ยวและชิงชังต่อคำพูดของนายแบนนอน และว่าหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการล้วนๆ ไม่มีมูลความจริง และอาศัยเพียงข่าวลือ

โฆษกทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่า คำกล่าวหาในหนังสือที่ว่าบุตรชายของ ปธน.ทรัมป์ ขายชาตินั้น เป็นเรื่องเหลวไหล และข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ล้วนมาจากคนที่ไม่มีสิทธิหรือไม่มีอำนาจหน้าที่ในทำเนียบขาว

ถึงกระนั้น โฆษกแซนเดอร์สยอมรับว่า ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ คือนายไมเคิล โวลฟ์ นั้น เคยได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลายสิบคนจริง หลังจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งแล้ว

เวลานี้ กรณีความสัมพันธ์ระหว่างคณะหาเสียงของทรัมป์ กับรัสเซีย กำลังถูกสอบสวนโดยอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้มุ่งไปที่เรื่องของการฟอกเงินด้วย

นายเดวิด โคเฮน (David Cohen) นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ชี้ว่า การที่นายแบนนอนกล้าออกมาประกาศความแตกหักกับ ปธน.ทรัมป์ ต่อสาธารณชน ทำให้เชื่อว่าเขาอาจให้ข้อมูลสำคัญต่างๆ กับคณะผู้สืบสวนไปแล้ว ซึ่งนั่นจะยิ่งเป็นผลร้ายต่อ ปธน.ทรัมป์ เอง

และนอกจากเรื่องความสัมพันธ์กับรัสเซียแล้ว เวลานี้ ปธน.ทรัมป์ กำลังถูกตรวจสอบกรณีขัดขวางกระบวนการยุติธรรม จากการไล่อดีตผู้อำนวยการ FBI นายเจมส์ โคมมีย์ ออกจากตำแหน่งด้วยเช่นกัน

(ผู้สื่อข่าว Steve Herman รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)