Your browser doesn’t support HTML5
ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะเดินทางเยือนเอเชีย 5 ประเทศ ในต้นเดือนหน้า โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายหาแนวร่วมในการเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีป
ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะเดินทางเยือนเอเชีย 5 ประเทศ ในวันที่ 3 – 15 พ.ย. นี้ ซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศที่ใช้เวลานานที่สุดนับตั้งแต่ ปธน.ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นปีนี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาว กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ว่า "การเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อไม่ให้โลกถลำเข้าสู่ยุคมืดมากกว่านี้ และถือเป็นการสนับสนุนนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของประชาคมโลกที่มีต่อเกาหลีเหนือ มากกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ หลายชุดก่อนหน้านี้"
สำหรับประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในการเยือนเอเชียของผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้ คือ ปธน.ทรัมป์ จะไปเยือนเขตปลอดทหารที่อยู่ระหว่างพรมแดนของเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือหรือไม่
หลังจากที่อดีต ปธน.สหรัฐฯ หลายคนได้ไปเยือนพื้นที่นี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการสนับสนุนให้เกิดสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี และเมื่อต้นปีนี้ รอง ปธน.ไมค์ เพนซ์ ก็ได้ไปเยือนเขตปลอดทหารดังกล่าวเช่นกัน
และแม้ทำเนียบขาวยังไม่ออกมายืนยันว่า ปธน.ทรัมป์ จะไปเยือนเขตปลอดทหารหรือไม่นั้น ดูเหมือนสถานที่แห่งหนึ่งที่ได้รับการบรรจุอยู่ในกำหนดการเยือนเกาหลีใต้ครั้งนี้แน่นอนแล้ว ก็คือค่ายทหาร Humphries ที่อยู่ห่างจากกรุงโซลลงไปทางใต้ราว 65 กม. ถือเป็นค่ายทหารที่มีทหารอเมริกันไปประจำการเพิ่มขึ้นมากที่สุดบนคาบสมุทรเกาหลี ในช่วงไม่กี่ปีมานี้
ส่วนที่ประเทศจีน ปธน.ทรัมป์ จะพบหารือกับ ปธน.จีน สี จิ้นผิง ในประเด็นเกี่ยวกับเกาหลีเหนือเช่นกัน
โดยเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวกล่าวว่า หากปักกิ่งซึ่งทำการค้าราว 90% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของกรุงเปียงยาง ไม่สนับสนุนมาตรการลงโทษของสหประชาชาติต่อเกาหลีเหนือ ก็อาจถือได้ว่าจีนกำลังขัดขืนความปรารถนาของประชาคมโลก
ต่อจากจีน ปธน.ทรัมป์ จะเข้าร่วมการประชุมเอเปกที่เวียดนาม และการประชุมอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งคาดว่าอาจมีการประชุมนอกรอบกับผู้นำหลายประเทศด้วย รวมทั้ง ปธน.รัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน และ ปธน.ฟิลิปปินส์ โรดริโก้ ดูเตรเต้ ซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียนในปีนี้
(ผู้สื่อข่าว Steve Herman รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)