นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูกะ ของญี่ปุ่น ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า คำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงโตเกียวที่บังคับใช้มานานนับเดือน จะถูกยกเลิกในวันจันทร์ โดยมีเหตุผลมาจากอัตราการติดเชื้อโดยรวมที่ลดลงมาตั้งแต่เดือนมกราคม
นายกรัฐมนตรี ซูกะ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อกรุงโตเกียวและจังหวัดใกล้เคียงลดลงไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา โดยอัตราการติดเชื้อรายวันในพื้นที่เมืองหลวงนั้นเคยสูงถึง 2,520 คน แต่ในวันพฤหัสบดีนั้น ตัวเลขได้ลดลงมาอยู่ที่ 323 คน
คำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินที่บังคับใช้ในกรุงโตเกียวนั้น ส่งผลให้บาร์และภัตตาคารร้านอาหารต้องปิดให้บริการภายในเวลา 20 นาฬิกา และแนะให้ธุรกิจอื่นๆ ดำเนินมาตรการป้องกันต่างๆ เช่น การให้พนักงานทำงานจากบ้าน โดยรัฐบาลเพิ่งสั่งยกเลิกคำสั่งแบบเดียวกันใน 6 พื้นที่เมืองเมื่อเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่บางรายแสดงความกังวลว่า การยกเลิกคำสั่งนี้จะส่งผลให้ประชาชนการ์ดตก และทำให้อัตราการติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี ซูกะ ยอมรับว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันนั้นนิ่งมาสักพัก และปรับขึ้นบ้างในบางพื้นที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และได้ขอร้องให้ผู้คนยังคงระวังและป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะกรณีของไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ๆ
โนริฮิสะ ทามูระ รัฐมนตรีสาธารณสุข บอกกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ The Japan Times ว่า รัฐบาลจะต้องทำการทุกอย่างให้แน่ใจว่า สาธารณชนเข้าใจอย่างถูกต้องว่า การดำเนินชีวิตในญี่ปุ่นยังไม่ได้กลับคืนสู่สภาวะปกติ เพียงเพราะมีการยกเลิกคำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว
แต่แม้จะมีการยกเลิกคำสั่งนี้ ทางการยังขอให้ภัตตาคารร้านอาหารในกรุงโตเกียว และจังหวัดคานากาวา ชิบะ และไซตามะ ที่อยู่รอบๆ ปิดร้านภายในเวลา 21 นาฬิกา ไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมเป็นอย่างเร็ว เพื่อลดโอกาสการกลับมาของภาวะระบาดเป็นวงกว้าง
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมที่กว่า 452,000 คน โดยมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 8,750 คน ตามข้อมูลของ มหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์