หน่วยงานสิทธิมนุษยชนต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลพลัดถิ่นของชาวทิเบต ประณาม ความพยายามของประธานาธิบดีจีน นายสี จินผิง ที่เรียกร้องให้ ศาสนาพุทธของชาวทิเบต "มีความเป็นจีน" มากขึ้น
ผู้วิจารณ์เหล่านี้กล่าวว่าแผนของผู้นำจีนเป็นภัยต่อวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชาวทิเบต
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จินผิง หารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนโดยเขากล่าวต่อที่ประชุมว่ารัฐบาลปักกิ่งจะต้องป้องกันให้รัดกุม เพื่อรักษาเสถียรภาพในดินเเดนทิเบต ที่อยู่ในมณฑลเสฉวน ยูนนาน กานซู่ และชิงไห่ซึ่งพื้นที่เหล่านี้มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับทิเบต
สี จินผิง ได้เรียกร้องให้เพิ่มมาตรการด้านความมั่นคง ด้วยการให้ความรู้ประชาชนเพื่อร่วมต่อต้านการแบ่งแยกดินเเดน และไม่ปฏิบัติตามนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์
ที่ผ่านมาเป็นเวลานาน รัฐบาลจีนมองว่า ศาสนาพุทธของชาวทิเบต เป็นต้นตอของการเคลื่อนไหวแบกแยกดินเเดน ซึ่งทางการปักกิ่งต้องการใช้ "โครงการปรับทัศนะคติให้รักชาติ" และต้องการบีบบังคับให้นักบวชทิเบตหันมาประณามบทบาทผู้นำพลัดถิ่นขององค์ดาไล ลามะ
ประธานาธิบดีจีน ต้องการที่จะเปลี่ยนทิเบตให้มีความเป็น "สังคมนิยมสมัยใหม่" ที่เป็นปึกแผ่น รุ่งเรือง ลำ้หน้าทางวัฒนธรรม และมีความกลมเกลียวกันในหมู่ประชาชน พร้อมด้วยความสวยงามในทิเบต
ภายใต้เป้าหมายดังกล่าว จะมีการปฏิรูปการศึกษาที่ "หว่านเมล็ดพันธุ์ของความรักชาติต่อเยาวชนทุกคน" ผู้นำจีนกล่าวด้วยว่าเป้าหมายดังกล่าวจะสำเร็จได้ด้วยการ "นำพา ศาสนาพุทธของชาวทิเบตให้ปรับตัวเข้ากับชุมชนสังคมนิยมและส่งเสริมการปรับให้พุทธศาสนาของชาวทิเบตมีความเป็นจีน"
เมื่อ 5 ปีก่อน ประธานาธิบดีสี อภิปรายถึงการรงณรงค์ให้เกิดความเป็นจีนมากขึ้น ตามค่านิยมของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยมองถึงกลุ่มความเชื่อ 5 กลุ่มใหญ่ที่สุดในจีน คือ ศาสนาพุทธ คริสต์นิกายคาทอลิก คริสต์นิกายโปรเตสเเตนต์ ลัทธิเต๋า และอิสลาม
โซฟี ริชาร์ดสัน ผู้อำนวยการองค์การ Human Rights Watch ที่รับผิดชอบประเด็นในจีน ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอภาคภาษาทิเบตว่า คำพูดล่าสุดของประธานาธิบดีสี สะท้อนถึงแนวความคิดที่ไม่สนับสนุนสิทธิมนุษยชน เธอกล่าวว่า ปัจเจกชนควรมีเสรีภาพในการเลือกในสิ่งที่เชื่อและบูชาในสิ่งที่ศรัทธา ซึ่งสิทธิ์นี้ ไม่ใช่สิ่งที่รัฐเป็นผู้จัดสรรให้ ยึดเอาไป หรือเป็นผู้บอกบทได้
ขณะเดียวกันโฆษกของรัฐบาลพลัดถิ่นของทิเบต คาร์มา ชวยยิง กล่าวว่าคำพูดของสี จินผิงเป็นอีกตัวอย่างของความพยายามโดยจีนที่ผ่านมาหลายสิบปี ที่จะควบคุมมิใช่เฉพาะศาสนาพุทธของชาวทิเบต แต่รวมถึงวัฒนธรรมทิเบตโดยรวม
ดอร์จี เซเทน ผู้อำนวยการบริหารองค์กร Students for a Free Tibet ที่นครนิวยอร์กกล่าวว่า แผนของทางการปักกิ่งที่จะสร้างความเป็นจีนต่อศาสนาพุทธในทิเบต จะนำไปสู่การขัดขืนของชาวทิเบตที่รุนเเรงขึ้น เขากล่าวด้วนว่าความพยายามนี้คือการครอบงำและเอาเปรียบเยี่ยงเจ้าอาณานิคม
ในขณะที่ เเมตทิโอ เมคาสซี ผู้อำนวยการองค์กรในสหรัฐฯที่มีชื่อว่า International Campaign for Tibet ให้สัมภาษณกับรอยเตอร์ไม่นานนี้ว่า คำพูดของประธานาธิบดีสีแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของจีนในกระบวนการการบูรณาการทิเบตเข้าสู่ทางสังคมจีน
เขากล่าวว่าหากชาวทิเบตเห็นประโยชน์จากความเป็นผู้นำของจีน อย่างที่ประธานาธิบดีสี จินผิง กล่าวจีนก็ไม่ควรกลัวว่าจะเกิดการแบ่งแยกดินเเดน และทางการปักกิ่งก็ไม่จำเป็นต้องให้แนวทางปรับทัศนคติด้านการเมืองต่อคนทิเบต