“แอลเอ” สั่งอพยพหนีไฟป่าเพิ่ม ขณะลมแรงโหมเพลิงเริ่มอ่อนตัว

ทางการนครลอสแอนเจลิสสั่งอพยพประชาชนในพื้นที่ประสบเหตุไฟป่าแล้วกว่า 130,000 คน ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงพยายามเข้าควบคุมสถานการณ์ในหลายจุด หลังเหตุภัยธรรมชาติรุนแรงนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 5 รายและทำลายบ้านเรือนไปกว่า 1,000 หลัง

คำสั่งอพยพล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงค่ำวันพุธที่เขตฮอลลีวู้ดฮิลส์ (Hollywood Hills) เนื่องจากมีการปะทุขึ้นของไฟป่าที่ขยายวงรวดเร็ว

นักอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า สภาพอากาศที่แห้งและลมพัดแรงซึ่งยิ่งช่วยโหมกระพือการลุกลามของเพลิงน่าจะคงอยู่ต่อไปอย่างน้อยจนถึงวันศุกร์

“แอลเอ” สั่งอพยพหนีไฟป่าเพิ่ม ขณะลมแรงโหมเพลิงเริ่มอ่อนตัว

ที่ผ่านมา ลมกำลังแรงในพื้นที่ทำให้เครื่องบินช่วยดับเพลิงไม่สามารถขึ้นทำปฏิบัติการได้ แต่เจ้าหน้าที่เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า ลมนั้นเริ่มอ่อนกำลังลงพอที่จะเปิดทางให้มีการนำเครื่องบินขึ้นได้แล้ว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามประกาศรัฐบาลกลางให้แคลิฟอร์เนียเป็นพื้นที่ภาวะฉุกเฉิน เพื่อให้มีการนำส่งเงินและทรัพยากรของรัฐบาลกรุงวอชิงตันไปช่วยต่อสู้กับไฟป่าครั้งนี้ด้วย

ไบเดนกล่าวเมื่อวันพุธว่า รัฐบาล “พร้อมที่จะดำเนินการทำทุกอย่าง นานเท่าที่จะต้องทำ เพื่อควบคุมไฟเหล่านี้ และช่วยฟื้นฟูและทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ” พร้อมยอมรับว่า การดำเนินงานทุกอย่างนี้จะต้องใช้เวลาไม่น้อย

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมสัญญาจะส่ง “บุคลากรและวัสดุอุปกรณ์ด้านการดับเพลิงเพิ่มเติม” ให้แคลิฟอร์เนียเช่นกัน

แม้ทางการจะเตือนประชาชนเกี่ยวกับโอกาสการเกิดไฟป่าในลอสแอนเจลิสมาก่อนหน้านี้ หลังตรวจพบสภาพอากาศที่เอื้อให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว สถานการณ์จริงกลับกินวงกว้างและรุนแรงกว่าคาดมาก

แอนโธนี มาร์โรน หัวหน้าหน่วยดับเพลิงเขตแอลเอเคาน์ตี้ กล่าวเมื่อวันพุธว่า ทางหน่วยได้ “เตรียมรับมือไฟป่ารุนแรงใน 1 หรือ 2 จุด ไม่ใช่ 4 จุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สภาพลมพัดแรงและความชื้นต่ำเช่นนี้”

นอกจากพื้นที่เขตฮอลลีวู้ดแล้ว ไฟป่ายังปะทุขึ้นในเขตแปซิฟิกพาลิเสดส์ (Pacific Palisades) อัลตาดินา (Altadena) พาซาดินา (Pasadena) และซิลมา (Sylmar) ของลอสแอนเจลิสด้วย

นักผจญเพลิงเข้าดับไฟในอัลตาดินา รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อ 8 ม.ค. 2568

จนถึงบัดนี้ พื้นที่หลายพันเฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6 ไร่ 1 งาน) ถูกเพลิงเผาผลาญจนวอดวายไปหมดแล้ว และไฟป่าก็ยังคงลุกลามออกมาเรื่อย ๆ โดยมาร์โรนยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้เลยแม้แต่ 1 เปอร์เซ็นต์

นอกจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของลอสแอนเจลิสแล้ว ยังมีการเคลื่อนเจ้าหน้าที่กองกำลังสำรองของรัฐอีก 2,000 นายเข้าช่วยรับมือกับเหตุภัยพิบัติครั้งนี้แล้ว

เมแกน แมนเชีย (ซ้าย) และแฟนหนุ่ม โธมัส กลับมาดูสภาพซากบ้านของแมนเชีย เมื่อ 8 ม.ค. 2568 หลังไฟป่าอีตันลุกลามเข้ามาในเขตที่ตั้งบ้านของเธอในอัลตาดินา รัฐแคลิฟอร์เนีย

รายงานข่าวระบุว่า ที่เขต Pacific Palisades ไฟป่าลุกลามจากบ้านหลังหนึ่งไปอีกหลังอย่างรวดเร็ว เนื่องจากลมกำลังแรงพอ ๆ กับพายุเฮอร์ริเคน ขณะที่ เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงเปิดเผยว่า หัวดับเพลิงในพื้นที่ได้แห้งเหือดไปหมดแล้ว

จานีส กีโญเนส หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของกรมน้ำและพลังงานของลอสแอนเจลิส กล่าวว่า ทางหน่วยได้พยายามใช้งานระบบจ่ายน้ำที่มีอย่างสุดกำลัง เพราะความต้องการใช้น้ำในพาลิเสดส์นั้นพุ่งสูง “ถึง 4 เท่าของระดับปกติ ... เป็นเวลา 15 ชั่วโมงติดต่อกันแล้ว”

ทั้งนี้ สถานการณ์ไฟป่าในพาลิเสดส์นั้นคือส่วนที่มีกำลังทำลายล้างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลอสแอนเจลิส หลังมีอาคารบ้านเรือนราว 1,000 หลังไหม้เป็นจุล โดยตัวเลขนี้ทำให้เหตุการณ์ไฟป่าพาลิเสดส์ได้ชื่อว่าร้ายแรงกว่ากรณีของไฟป่าเซเยอร์ (Sayre Fire) เมื่อปี 2008 ในพื้นที่ชายเมืองทางเหนือของแอลเอที่ทำลายล้างบ้านเรือนไป 604 หลัง

• ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพีและรอยเตอร์