ทุก ๆ ปี กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จะเป็นเจ้าภาพจัดงานแฟร์สำหรับช็อกโกแลตที่จะมีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมนำเสนอเมนูด้วยความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ตลอดเวลา และในปีนี้ นักทำช็อกโกแลตสัญชาติฝรั่งเศสรายหนึ่งทดลองเพิ่มสิ่งที่ไม่เคยมีใครกล้าใช้เข้าไปในขนมหวานของตนเอง ซึ่งก็คือ พริกที่ได้ชื่อว่าเผ็ดที่สุดในโลก ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
ดาเมียน วิดัล ผู้เชี่ยวชาญด้านช็อกโกแลต หรือ chocolatier เลือกแต่งรสผลงานของตนด้วยส่วนผสมที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน เช่น ราสเบอรรี เหล้าที่ทำจากแบล็คเคอร์แรนท์ และเสาวรส ที่มีชื่อว่า Bille en tete ซึ่งเป็นวลีภาษาฝรั่งเศสที่แปลได้ว่า “เอาหัวลงก่อน”
FRANCE-FOOD/CHOCOLATE-CHILLI
แต่ขนมช็อกโกแลตทรงกลมเหมือนลูกหินสีแดงก่ำนี้ มีความพิเศษเพราะการแต่งรสด้วยพริกแคโรไลนา รีพเปอร์ (Carolina Reaper) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น พริกที่เผ็ดที่สุดในโลก จากการจัดอันดับโดยบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ (Guinness World Records)
รายงานข่าวระบุว่า วิดัล เติมพริกชนิดนี้ในสัดส่วนที่มากพอที่จะทำให้ผู้ได้ลิ้มรสสะดุ้งไปกับความเผ็ด แต่ไม่มากเกินไปจนทำให้ทานไม่ได้
ในงานแฟร์ที่เพิ่งจัดไปไม่นานนี้ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นสองคนและผู้มาชมงานจำนวนหนึ่งแวะมาทดลองชิมช็อกโกแลตของ วิดัล และไม่มีใครบ้วนขนมนี้ออกมาเลย
ฮิโตมิ เอบิทานิ นักศึกษาชาวญี่ปุ่น บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ขนมของ วิดัล “ทั้งหวานและเผ็ด แต่ไม่เผ็ดจนเกินไป เป็นรสเผ็ดที่อ่อน” และว่า “อร่อยดี และเป็นรสชาติที่เซอร์ไพรส์ดี โดยรสเผ็ดนั้นปรากฏขึ้นมาหลังทานหมดแล้ว”
วิดัล เป็นเชฟทำขนมที่ชนะรางวัลมาจากหลายเวทีแล้ว และทำงานให้กับภัตตาคารชั้นนำหลายแห่งในกรุงปารีส โดยในงานปีนี้ เขาได้รับเชิญเข้าร่วมในฐานะ “ผู้มีความสามารถรุ่นใหม่” และเขาอธิบายว่า ความรู้สึกเผ็ดร้อนที่ตามมาหลังทานช็อกโกแลตเข้าไปแล้วเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจให้เกิดขึ้น โดยผู้รับประทานจะได้รสหวานนุ่มลิ้นในตอนแรก จากนั้น รสชาติที่ซ่อนอยู่ก็จะระเบิดออกมา ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปในไม่กี่นาที
FRANCE-FOOD/CHOCOLATE-CHILLI
วิดัล บอกว่า เขาทดลองทำไปหลายสูตรหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ได้สมดุลที่เหมาะเจาะ ในแบบที่ “สามารถทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกพอใจ” เมื่อรับประทานเข้าไป
ข้อมูลจากอุตสาหกรรมช็อกโกแลตของปารีสระบุว่า ในแต่ละปี แต่ละครัวเรือนของฝรั่งเศสบริโภคช็อกโกแลตปีละ 13.2 กิโลกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ทำให้ฝรั่งเศสยังสามารถส่งออกช็อกโกแลตปีละกว่า 245,000 ตันที่มีมูลค่าถึงเกือบ 1,000 ล้านยูโร เลยทีเดียว
- ที่มา: รอยเตอร์