ธนาคารโลก (World Bank) เปิดเผยคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2024 เมื่อวันจันทร์ ที่ระดับ 2.8% ในขณะที่การคาดการณ์ของฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย จะเติบโตอยู่ที่ราว 4.3-5.8%
สื่ออัลจาซีรารายงานว่า การประเมินของธนาคารโลก ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2024 เป็น 2.5% ถึง 3% จากเดิมที่ตั้งไว้ 3.2%
ทั้งนี้ การประเมินของธนาคารโลกระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเร็วขึ้นในปี 2025 ที่ระดับ 3%
เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากธนาคารโลกกล่าวระหว่างการแถลงข่าวออนไลน์ว่า การค้าโลกที่ซบเซาและความล่าช้าในการผ่านกฎหมายงบประมาณของไทยมีผลต่อการปรับลดการคาดการณ์
ศ.ภวิดา ปานะนนท์ จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นกับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า การค้าโลกที่เน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ กำลังส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย และมีความจำเป็นที่ห้างร้านและแรงงานในประเทศ ต้องได้รับการยกระดับทักษะอย่างเป็นระบบ
ธนาคารโลกระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริโภคในภาคเอกชน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ นอกจากนั้น การส่งออกและการลงทุนที่หดตัวลงก็มีผลต่อทิศทางการประเมินการเติบโตด้วยเช่นกัน
รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลไทยวางเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนไทย 40 ล้านคนในปี 2024 มากกว่ายอดปีที่แล้วที่ 28 ล้านคน
ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทยระบุว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับวิกฤต และต้องการมาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่ด้วยนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ในวงเงินงบประมาณ 14,000 ล้านบาท ซึ่งการแจกจ่ายนั้นถูกเลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิมที่เคยประกาศไว้
เกียรติพงษ์จากธนาคารโลกระบุว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลจะเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ 1% แต่จะมีผลกระทบในแง่ของหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกับอัลจาซีราในประเด็นโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลว่า รัฐบาลอาจเจอความเสี่ยงทางกฎหมายจากการกู้ยืมเงิน และความไม่พอใจจากพรรคร่วมรัฐบาลหากตัดสินใจเดินหน้าต่อ ในทางกลับกัน ถ้าหากไม่สามารถทำให้นโยบายหาเสียงที่ใหญ่ที่สุดของพรรคเพื่อไทยเป็นจริงขึ้นมาได้ ก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อตัวนายเศรษฐา
- ที่มา: อัลจาซีรา รอยเตอร์