Your browser doesn’t support HTML5
การวิจัยชิ้นนี้ประมาณว่ามีเด็กทั่วโลกเกือบ 8 ล้านคนเป็นผู้ติดเชื้อวัณโรครายใหม่เมื่อ 4 ปีที่แล้ว นักวิจัยชี้ว่าวงการแพทย์สามารถลดจำนวนผู้ป่วยวัณโรคลงได้ด้วยการบำบัดการติดเชื้อเสียเเต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามจนเกิดอาการป่วย
ข้อมูลตัวเลขที่ชัดเจนหาได้ยากแต่ทางองค์การอนามัยโลกได้พยายามประมาณตัวเลขให้ได้ใกล้เคียงมากที่สุดโดยเชื่อว่ามีเด็กราวห้าเเสนคนทั่วโลกป่วยด้วยวัณโรคเมื่อสี่ปีที่แล้ว
องค์การอนามัยโลกคำนวณตัวเลขนี้จากจำนวนผู้ป่วยอย่างเป็นทางการที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้รับบันทึกเอาไว้ แต่เชื่อว่ามีผู้ป่วยวัณโรคอีกจำนวนมากที่ตกหล่นจากรายงานของทางการเหล่านี้ นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้กันดีว่าการวินิจฉัยวัณโรคในเด็กทำได้ยากมาก
นายแพทย์ James Seddon แพทย์เด็กแห่งวิทยาลัย Imperial College ในกรุงลอนดอนกับทีมวิจัยจึงใช้วิธีประมาณตัวเลขเด็กที่ติดเชื้อวัณโรคทั่วโลกวิธีใหม่
นายแพทย์ Seddon กล่าวว่ามีการศึกษาจำนวนมากที่ชี้ว่าเด็กส่วนใหญ่ติดเชื้อวัณโรคจากสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคนี้
ในการวิจัย นายแพทย์ Seddon ใช้วิธีการคำนวณทางคณิตศาสตร์หลายวิธีในการคำนวณว่ามีเด็กจำนวนเท่าไหร่ที่น่าจะอาศัยอยู่ในครัวเรือนเดียวกันกับสมาชิกครอบครัวที่ป่วยด้วยวัณโรค มีเด็กกี่คนในเด็กกลุ่มเสี่ยงนี้ที่ติดเชื้อวัณโรคและกี่คนที่ล้มป่วยด้วยวัณโรค
ทีมนักวิจัยเน้นศึกษาเฉพาะประเทศต่างๆ ที่มีผู้ป่วยวัณโรคนับเป็น 80เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้ป่วยวัณโรคทั้งหมดทั่วโลก
หลังการศึกษา ทีมนักวิจัยได้ตัวเลขที่ประมาณว่ามีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่หกแสนห้าหมื่นคนในปีคริสตศักราช 2010 หรือสี่ปีที่แล้ว เป็นตัวเลขที่สูงกว่าตัวเลขผู้ป่วยทั่วโลกที่องค์การอนามัยโลกประมาณเอาไว้
ผลการศึกษาชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet ไปเมื่อเร็วๆ นี้ นายแพทย์ Seddon กล่าวว่าการศึกษาประมาณว่ามีเด็ก 15 ล้านคนอาศัยอยู่กับผู้ป่วยวัณโรคและมีเด็ก 7.6 ล้านคนเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่
นายแพทย์ Seddon กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าตัวเลขที่ได้นี้จะช่วยกระตุ้นให้รัฐบาลประเทศต่างๆ จัดทำโครงการป้องกันวัณโรคระดับชาติเพราะมีเด็กติดเชื้อวัณโรคในจำนวนที่สูงกว่าที่คาดกันไว้เพราะหากไม่มีการตรวจหาวัณโรคในเด็กและไม่รักษาเเต่เนิ่นๆ จะกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขยากมากขึ้นในอนาคต
ทางด้านแพทย์หญิง Jennifer Furin ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อที่มหาวิทยาลัย Case Western Reserve ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยนี้กล่าวว่าวัณโรคในเด็กไม่ได้รับความสนใจมากเท่ากับวัณโรคในผู้ใหญ่ ส่วนหนึ่งเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญโรคไม่รู้ว่าปัญหาวัณโรคในเด็กเป็ปัญหาใหญ่แค่ไหน
เธอกล่าวว่าผลการศึกษาชิ้นนี้เป็นประโยชน์อย่างมากเพราะชี้ให้เราเห็นว่ามีเด็กจำนวนเท่าไหร่ที่ต้องได้รับการตรวจคัดกรองวัณโรคและมุ่งทำการบำบัดการติดเชื้อเเต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะลุกลามจนเกิดอาการป่วย
แพทย์หญิง Furin กล่าวปิดท้ายรายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอว่าการป้องกันไม่ให้เด็กที่ได้รับเชื้อวัณโรคป่วยด้วยโรคนี้จะช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดของวัณโรคลงได้ซึ่งจะมีผลดีต่อทั้งผู้ใหญ่เเละเด็ก