ทางการไต้หวันเผยรายงานที่ชี้ว่า จีนเดินหน้ากลยุทธ์สงครามสีเทา เพื่อหวังลดทอนศักยภาพทางการทหารของไต้หวัน และถือเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวง ตามรายงานของเอพีและรอยเตอร์
กระทรวงกลาโหมไต้หวัน เปิดเผยรายงานที่จัดทำขึ้นทุก 2 ปี เมื่อวันอังคาร (9 พฤศจิกายน) ชี้ว่า จีนเดินหน้ากลยุทธ์สงครามสีเทา ด้วยการที่จีนรุกคืบด้านสงครามไซเบอร์ การเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ การทำให้ไต้หวันโดดเดี่ยวจากประชาคมระหว่างประเทศ ไปจนถึงมาตรการบังคับให้รวมชาติโดยไม่ต้องเผชิญหน้าทางทหารโดยตรง
นอกจากนี้ ทางการไต้หวัน ยังระบุว่า รัฐบาลกรุงปักกิ่ง ยังนำมาตรการแบบดั้งเดิมมาใช้กับไต้หวัน ด้วยการส่งเครื่องบินรบจำนวน 554 ลำเข้ามาในเขตแสดงตัวเพื่อการป้องกันตนเองทางอากาศของไต้หวัน ในช่วงเดือนกันยายนของปีที่แล้วจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมของปีนี้ โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว จีนได้ส่งเครื่องบินรบรุกล้ำน่านฟ้าไต้หวันมากถึง 148 ลำด้วย
รายงานจากกระทรวงกลาโหมไต้หวันที่จัดทำขึ้นทุก 2 ปี ยังระบุด้วยว่า เวลานี้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนมีศักยภาพมากพอในการปิดล้อมท่าเรือและสนามบินสำคัญของไต้หวัน รวมทั้งปิดกั้นเส้นทางสัญจรและการสื่อสารทางทะเลและทางอากาศ ซึ่งกระทบกับการเคลื่อนย้ายลำเลียงยุทโธปกรณ์และระบบขนส่งของไต้หวัน
กระทรวงกลาโหมไต้หวัน ชี้ว่า พฤติกรรมคุกคามของจีนไม่เพียงแต่มุ่งบั่นทอนศักยภาพด้านการรบ และทำลายขวัญกำลังใจของไต้หวันเท่านั้น แต่ยังพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงหรือท้าทายสถานะปัจจุบันภายในช่องแคบไต้หวัน เพื่อเป้าหมายสูงสุดในการยึดครองไต้หวันโดยปราศจากการต่อสู้
ตอนนี้จีนตั้งเป้าที่จะยกระดับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนให้เป็นกองทัพที่ทันสมัยภายในปี ค.ศ. 2035 ขณะที่ไต้หวันเสริมทัพด้านการทหารอย่างเต็มที่ด้วยการผลิตและสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
(มีเนื้อหาบางส่วนจากรอยเตอร์และเอพี)