การแข่งขันซูเปอร์โบล์ว ครั้งที่ 53 ประจำปี 2019 ได้คู่ชิงชนะเลิศแล้วเรียบร้อย ซึ่งถือเป็นการนำความสดของทีมพลังหนุ่ม แอลเอ แรมส์ (L.A. Rams) มาปะทะกับยอดทีมแห่งยุค นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ (New England Patriots) ซึ่งเข้าชิงซูเปอร์โบล์วเป็นปีที่สามติดต่อกัน
แอลเอ แรมส์ ผ่านเข้าสู่รอบชิงแชมป์ซูเปอร์โบล์ว โดยเอาชนะเต็ง 1 นิวออร์ลีนส์ เซนต์ส (New Orleans Saints) ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 26 - 23 คว้าแชมป์ของฝั่ง NFC เป็นครั้งที่ 4 ของสโมสร โดยในการเข้าชิงซูเปอร์โบล์ว 4 ครั้งก่อนหน้านี้ แรมส์คว้าแชมป์มาได้เพียงครั้งเดียว
แจเร็ด กอฟฟ์ ควอเตอร์แบ็คของแรมส์ถือเป็นควอเตอร์แบ็ครุ่นใหม่วัย 24 ปีที่แรมส์ดราฟท์มาจาก University of California - Berkeley เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งมารวมพลังกับเพื่อนร่วมทีมที่ล้วนอายุยังน้อย เช่นเดียวกับโค้ช ฌอน แม็คเวย์ วัยเพียง 32 ปี ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นโค้ชอายุน้อยที่สุดที่พาทีมเข้าชิงซูเปอร์โบล์ว
ส่วน นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ สามารถบุกไปเอาชนะ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ (Kansas City Chiefs) ในช่วงต่อเวลาพิเศษเช่นกัน 37-31 คว้าแชมป์ AFC ครั้งที่ 11
นั่นหมายความว่า แพทริออตส์ ภายใต้การนำของควอเตอร์แบ็กรุ่นเก๋าวัย 41 ปี ทอม เบรดี้ และโค้ชที่ขึ้นชั้นตำนานไปแล้วอย่าง บิล เบลิชิก สามารถเข้าชิงซูเปอร์โบล์วได้ถึง 11 ครั้งรวมครั้งนี้ และคว้าแชมป์ไปได้ทั้งหมด 5 ครั้ง
ที่ผ่านมา แรมส์และแพทริออตส์ เคยเจอกันในซูเปอร์โบล์วเพียงครั้งเดียวคือ Super Bowl 36 ปี 2001 ซึ่งแพทริออตส์ชนะไป และกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคแห่งการครองแชมป์ของแพทริออตส์
Super Bowl 53 จะแข่งกันที่สนาม Mercedes-Benz Stadium นครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ในวันที่ 3 ก.พ.นี้ โดยมี CBS BBC และ Sky Sport ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก และทาง NFL ยืนยันแล้วว่า วงร็อคชื่อดัง Maroon 5 จะเป็นผู้ทำการแสดงในช่วงพักครึ่งเวลา หรือ Halftime Show