ชาวซูดานเดินหน้าประท้วงการยึดอำนาจรัฐบาลเปลี่ยนถ่ายโดยกองทัพ

Sudan

ประชาชนในซูดานยังคงเดินหน้าออกมาชุมนุมตามท้องถนนในกรุงคาร์ทูม เพื่อประท้วงการก่อรัฐประหารของกองทัพ และการจับกุมตัวนายกรัฐมนตรี อับดัลลา แฮมดก และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะมนตรีเพื่ออธิปไตยแห่งชาติ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

พลโท อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของซูดาน ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ หลังทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลเปลี่ยนถ่าย และประกาศยุติบทบาทของสภาร่วมพลเรือน-กองทัพ ซึ่งดูแลบริหารประเทศมาตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2019 หรือหลังการขับไล่อดีตผู้นำเผด็จการ ประธานาธิบดี โอมาร์ อัล-บะเชียร์

พลโท อัล-บูร์ฮาน สัญญาว่า กองทัพจะส่งมอบอำนาจคืนให้กับรัฐบาลพลเรือนในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2023 ที่จะมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้น

ในช่วงเกิดเหตุยึดอำนาจเมื่อวันจันทร์ มีประชาชนอย่างน้อย 4 คนเสียชีวิต และกว่า 80 คนที่ได้รับบาดเจ็บ หลังกองกำลังความมั่นคงทำการยิงอาวุธใส่กลุ่มผู้ชุมนุมในกรุงคาร์ทูม ตามข้อมูลของกลุ่ม Sudan Doctors Committee

แต่แม้จะมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น ผู้ประท้วงยังคงออกมาเดินชุมนุมในวันอังคาร เพื่อประณามการก่อรัฐประหาร พร้อมร้องตะโกนว่า “ไม่เอาการปกครองของทหาร”

ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในซูดาน ได้ออกคำเตือนให้ประชาชนชาวอเมริกันที่อยู่ในประเทศให้ทำการหลบภัยในสถานที่ของตนเอง หรือ Shelter in Place

หลังการก่อรัฐประหารในซูดาน อันโตนิโอ กูเทอเรซ เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ สหภาพแอฟริกา และองค์กรสันนิบาตอาหรับ ออกมาแสดงความตื่นตระหนกและความผิดหวังต่อเหตุการณ์ในประเทศนี้ ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศระงับการส่งความช่วยเหลือทางการเงินมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์ให้ซูดาน

นอกจากนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ อังกฤษ และนอร์เวย์ ร่วมกันออกแถลงการณ์ประณามการก่อรัฐประหารและเรียกร้องให้กองกำลังความมั่นคงให้ปล่อยตัวผู้ที่ “ถูกจับกุมอย่างไม่ถูกกฎหมาย” ทันทีด้วย

สำนักข่าว เอพี รายงานว่า พลโท อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ยืนยันในวันอังคารว่า กองทัพทำการคุมขัง นายกรัฐมนตรี อับดัลลา แฮมดก เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้นำรัฐบาลเปลี่ยนถ่ายเอง และจะได้รับการปล่อยตัวในไม่ช้านี้ แต่เตือนด้วยว่า สมาชิกคนอื่นๆ ของรัฐบาลที่ถูกยุบไปอาจจะถูกดำเนินคดีได้

(ข้อมูลบางส่วนมาจาก สำนักข่าว เอพี)