Your browser doesn’t support HTML5
คนยุคมิลเลเนียลมักถูกประนามเเละกล่าวโทษเสมอ ยกตัวอย่างรายงานข่าวชิ้นหนึ่งของวอลล์สตรีทเจอนอลที่ชี้ว่าความต้องการบริโภคปลาทูน่ากระป๋องลดลงเพราะคนยุคมิลเลเนียลไม่มีแม้เเต่ที่เปิดกระป๋องทั้งๆ ที่อยู่ในยุคที่คนชอบความสะดวกสบาย
รายงานข่าวชิ้นนี้เกี่ยวกับผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องกำลังหาทางดึงดูดลูกค้าที่อายุน้อย
บรรดาคนยุคมิลเลเนียลได้โต้กลับทางสื่อสังคมออนไลน์โดยบอกว่าชอบกินปลาสดเเละปลาแช่เเข็งมากกว่า ซึ่งต้องใช้เวลาเเละความพยายามในการปรุงมากกว่าเเค่เปิดกระป๋อง
แต่การถกกันในประเด็นคนยุคมิลเลเนียลมักไม่มองที่ปัญหาหนี้เงินกู้การศึกษาก้อนโตเเละค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ไม่สามารถรองรับระดับค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบันในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คนมิลเลเนียลกำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ บริษัทบัญชี Ernst & Young รายงานว่า คนยุคมิลเลเนียล คือคนอายุระหว่าง 20 ถึง 36 ปีและคนกลุ่มอายุนี้มีการเปลี่ยนแปลงในทางบวกกว่าเดิมเมื่อเทียบกับสองปีที่แล้ว โดยมีความมั่นคงมากขึ้นเเละซื้อบ้านกันเพิ่มขึ้น
ในขณะที่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของชาวมิลเลเนียลบอกว่าหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเป็นต้นเหตุให้เลื่อนการซื้อบ้านออกไปก่อนและขณะนี้ คนกลุ่มอายุนี้กำลังเป็นเจ้าของบ้านกันเพิ่มขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา
บัญชี Ernst & Young รายงานว่าในปี ค.ศ. 2018 ร้อยละ 40 ของชาวมิลเลเนียลมีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งน้อยกว่าคนรุ่นเจนเนเรชั่นเอ็กซ์ คนรุ่นเบบี้บูมไม่มากนัก โดยในตอนที่อายุยังน้อยเท่ากัน คนสองรุ่นก่อนหน้าราวร้อยละ 45 มีบ้านเป็นของตนเอง
และเช่นเดียวกับคนรุ่นก่อนหน้าที่เจอกับภาวะฟองสบู่ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ คนมิลเลเนียลจำนวนหนึ่งกำลังย้ายออกไปจากเมืองใหญ่เเละซื้อบ้านในเขตชานเมืองหรือในเมืองเล็กๆ
คนมิลเลเนียลอเมริกันที่ร่วมในการวิจัยของบริษัท Ernst & Young บอกว่าความสำเร็จในการงาน เกิดจากการศึกษาที่ดีเเละการทำงานหนักและจะนำไปสู่การเป็นเจ้าของบ้านและร้อยละ 86 ของคนมิลเลเนียลบอกว่าการทำงานหนักเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งยวดที่จะช่วยให้พวกประสบความสำเร็จในชีวิต
รายงานของบริษัท Ernst & Young ชี้ว่าร้อยละ 35 ของคนมิลเลเนียลที่ตอบแบบสอบถามมองว่าความก้าวหน้าและความสำเร็จขึ้นอยู่ที่ความพยายามของพวกเขาเองที่จะเสาะหาหนทางเรียนรู้ความสามารถใหม่ๆเเละโอกาสที่ดีอย่างไม่ลดละ
ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่สดใสนักเพียงแค่ร้อยละ 9 ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่มองว่าเศรษฐกิจดีมาก แม้ว่าคนมิลเลเนียลถูกมองว่าเปลี่ยนงานบ่อย แต่ก็ยังไม่บ่อยและเร็วเท่ากับคนเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ ในตอนอายุเท่ากันและคนมิลเลเนียลไม่ชอบึวามเสี่ยง
ความกังวลใหญ่ที่สุดต่ออนาคตของคนมิลเลเนียลในสหรัฐฯคือชีวิตหลังเกษียณ โดยร้อยละ 75 ของผู้ตอบเเบบสอบถามชี้ว่ารู้สึกกังวลมากหรือกังวลบ้างระดับหนึ่งเกี่ยวกับความมั่นคงในตอนปลายของอาชีพการงาน
และคนรุ่นนี้กังวลน้อยที่สุดว่าคนต่างชาติจะมาแย่งงานโดยเพียงเเค่ร้อยละ 31 บอกว่ากังวลมากหรือกังวลบ้าง
คนมิลเลเนียลให้ความสำคัญมากที่สุดต่อความเท่าเทียมด้านค่าจ้างและความยืดหยุ่นของงาน หญิงยุคมิลลิเนียลใส่ใจมากต่อเรื่องค่าจ้างที่เท่าเทียม
ศูนย์การวิจัยพิวชี้ว่า โดยทั่วไป คนมิลเลเนียลในสหรัฐฯมักเอียงไปทางพรรคเดโมเครตและเมื่อเดือนมีนาคมปี ค.ศ. 2018 ร้อยละ 59 เป็นเดโมเครต ขณะที่ร้อยละ 32 เป็นรีพับลิกันหรือเอียงไปทางพรรครีพับลิกัน
และขณะที่ร้อยละ 77 ของคนมิลเลเนียลในการสำรวจบอกว่าภูมิใจในความเป็นอเมริกัน มีเพียงร้อยละ 30 ที่บอกว่ามีความมั่นใจในระดับสูงต่อสถาบันต่างๆของประเทศเเละเพียงร้อยละ 19 บอกว่ามั่นใจมากในบริษัทเอกชนใหญ่ๆของอเมริกา ลดลงมาจากสองปีที่เเล้ว 1 เปอร์เซ็นต์
ผลการศึกษาชี้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย นั่นก็คือคนที่เรียนจบเอกทางมนุษยศาสตร์ยังคงมีหนี้สินจากเงินกู้เพื่อการเรียนมากที่สุด ในขณะที่คนที่เรียนจบสาขาธุรกิจเป็นกลุ่มคนมีหนี้สินน้อยที่สุด
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)