นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมาเก็บภาพความทรงจำครั้งสุดท้ายกับ ‘สตัมปี’ ต้นซากุระริมอ่างเก็บน้ำไทดัล เบซิน กรุงวอชิงตัน ที่เป็นที่รู้จักกันบนโลกออนไลน์จากสภาพที่ผุพังเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะถูกถอนออกในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้เพื่อปรับปรุงพื้นที่ รับมือกับกระแสน้ำหนุนที่สูงขึ้นทุกปี
ตลอดช่วงเวลาการลงพื้นที่ของวีโอเอไทยในวันพฤหัสบดี ไม่มีช่วงไหนที่สตัมปี หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า ‘เจ้าตอไม้’ จะมีเวลาส่วนตัวได้เลย เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาชมดอกซากุระที่เบ่งบานรับฤดูใบไม้ผลิในกรุงวอชิงตัน ต่างแวะเวียนเข้ามาถ่ายภาพกับต้นซากุระที่แคระแกร็นและผุพัง แต่ก็ยังสามารถผลิดอกสีขาวอมชมพูให้ยลโฉมได้
สภาพของสตัมปีที่เป็นอยู่ เกิดจากการกัดเซาะโดยน้ำจากแม่น้ำโปโตแมคโปโตแมค ข้อมูลจากหน่วยงานอุทยานแห่งชาติสหรัฐฯ (NPS) ระบุว่าพื้นที่ไทดัล เบซิน และสวน เวสต์ โปโตแมค พาร์ค ได้รับความเสียหายจากระดับน้ำที่ล้นข้ามกำแพงกันน้ำมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากระดับน้ำทะเลหนุน และภาวะชำรุดทรุดโทรมของสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากมีอายุการใช้งานมายาวนาน
ด้วยสาเหตุนี้ ทางการจึงมีแผนสร้างกำแพงกันน้ำใหม่ในพื้นที่ไทดัล เบซิน และเวสต์ โปโตแมค พาร์ค ทำให้ต้นซากุระจำนวน 158 ต้น รวมถึงสตัมปี จะต้องถูกถอนทิ้งเพื่อเตรียมการก่อสร้าง
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนและชื่นชมความงามของซากุระ ให้ความเห็นกับวีโอเอไทย แสดงความเสียดายกับการการจากไปของสตัมปี แต่ก็เข้าใจถึงความจำเป็นของโครงการก่อสร้างนี้ ที่จะใช้งบประมาณ 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4,100 ล้านบาท)
จูดี เอนวไรท์ เล่าว่า เธอและสามีขับรถเป็นเวลา 6 ชั่วโมงจากทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์ก เพื่อมาอำลาสตัมปีหลังทราบข่าวแผนการรื้อถอน โดยเธอเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงพื้นที่ตรงนี้ให้เหมาะสม และกังวลว่าคนที่มาอำลาต้นไม้ชื่อดังต้นนี้จะแอบหักกิ่ง เด็ดใบมันกลับไปเป็นของที่ระลึก
เอนวไรท์กล่าวว่า ที่สตัมปีเป็นที่นิยมบนโลกออนไลน์ น่าจะเป็นเพราะว่าพลังแห่งการมีชีวิตของมัน ที่ยังสามารถผลิดอกให้คนยลโฉมได้ ไม่ว่าต้นของมันจะผุพังไปมากแล้วก็ตาม
โอเฟเลีย มอนเตลอนโก นักท่องเที่ยวอีกรายจากรัฐแมรีแลนด์ กล่าวกับวีโอเอไทยว่า เพิ่งเคยเห็นสตัมปีในโซเชียลมีเดียไม่นานเท่าไหร่ จึงเดินทางมาดูของจริงด้วยตนเอง โดยเธออยากให้มีการย้ายสตัมปีไปอยู่ที่อื่นแทน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าสามารถทำได้หรือไม่ในทางปฏิบัติ
ข้อมูลจากเว็บไซต์ของ NPS ระบุว่ากำแพงกันน้ำดังกล่าว เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะสามารถปกป้องพื้นที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของอนุสรณ์สถานสำคัญ ๆ รวมถึงต้นซากุระที่เหลืออยู่จากระดับน้ำที่หนุนสูงขึ้นได้ไปอีก 100 ปี นอกจากนั้น เมื่อโครงการแล้วเสร็จในปี 2027 จะมีการปลูกต้นซากุระทดแทนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นจำนวน 274 ต้น
เทศกาลชมดอกไม้นี้ มีที่มาตั้งแต่ปี 1912 หลังยูกิโอะ โอซากิ นายกเทศมนตรีกรุงโตเกียว ได้มอบต้นซากุระให้กับกรุงวอชิงตันเป็นจำนวน 3,000 ต้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรไมตรี และได้มีการเพาะปลูกและผลัดเปลี่ยนต้นซากุระในนครหลวงแห่งนี้ในเวลาต่อม