ตลาดหุ้นวอลสตรีทในสหรัฐฯ ร่วงลงไปอีก 9% ในวันพุธ ลงไปอยู่ที่ระดับเมื่อต้นปี ค.ศ. 2017 ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่การราคาของลงทุนด้านอื่น ๆ ที่เคยถูกมองว่าปลอดภัยก็ลดต่ำลงเช่นกัน ท่ามกลางความกังวลเรื่องโคโรนาไวรัส
AP รายงานว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนไม่หยุดหลังจากที่นักวิเคราะห์การเงินและทำเนียบขาวต่างมองว่ามีโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
ดัชนีดาวน์โจนส์ลดลง 6.3% ปิดที่ 19,899 จุด, ดัชนีแนสแดคลดลง 4.7% ปิดที่ 6,990 จุด, ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.2% ปิดที่ 2,398 จุด
เมื่อวานนี้หุ้นดาวน์โจนส์เพิ่งปรับตัวสูงขึ้น 5% หลังจากที่ ปธน.ทรัมป์ รับปากว่าจะใช้มาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนนักลงทุนจะไม่กล้าเดิมพันกับคำสัญญาของบรรดาผู้นำประเทศอีกต่อไป
จนถึงขณะนี้ ดาวน์โจนส์ร่วงลงไปแล้ว 32% จากระดับสูงสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสูงกว่าระดับในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อ 4 ปีที่แล้วเพียง 8%
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวในการประชุมแถลงข่าวในวันพุธเกี่ยวกับความผันผวนในตลาดการเงินนี้ว่า แม้เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ก็ต้องทำเพื่อเอาชนะศัตรูสำคัญนี้ให้ได้
นอกจากราคาหุ้นที่ตกลงแล้ว ราคาน้ำมันดิบโลกยังตกลงไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 22 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี แม้แต่ราคาทองคำและราคาพันธบัตรระยะยาวของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความผันผวนทางการเงินโลก ก็มีราคาลดต่ำลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนพากันถือเงินสดไว้กับตัวในตอนนี้
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ความไม่แน่นอนของตลาดการเงินโลก และการหดตัวของเศรษฐกิจประเทศใหญ่ๆ อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ก่อนที่จะฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากนโยบายอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ครั้งนี้